- กรดอะมิโนชนิดหนึ่งสร้างมาจากกรดอะมิโน 2 ตัว คือ ไลซีน (Lysine) และ เมไทโอนีน (Methionine)
- แหล่งของแอล-คาร์นิทีนพบได้ในเนื้อสัตว์, นมและผลิตภัณฑ์จากนม, ผลอะโวคาโด, ผลิตภัณฑ์จากถั่วหมัก
- ร่างกายสร้างได้จากตับและไตและนำไปเก็บไว้ในกล้ามเนื้อลาย, หัวใจ, สมอง, สเปริ์ม
แอล-คาร์นิทีน ทำหน้าที่นำากรดไขมันเข้าไปเผาผลาญเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นถ้าหากร่างกายได้รับ แอล-คาร์นิทีน ไม่เพียงพอ การเผาผลาญพลังงานก็จะลดลง และจะทำให้ไขมันถูกสะสมในร่างกายมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุ
สำคัญของโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีอาการปวดเมื่อย อ่อนแรง และที่สำคัญคือโรคอ้วน
ในคนเอเชียจะพบแอล-คาร์นิทีน ในร่างกายน้อยกว่าคนยุโรป เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่รับประทานส่วนใหญ่เป็นสีขาว ซึ่งมีปริมาณ แอล-คาร์นิทีน น้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดสีแดง
การได้รับแอล-คาร์นิทีนเสริมเข้าไป เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน และเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้ แอล-คาร์นิทีนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น การควบคุมน้ำหนัก ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะผู้มีบุตรยากในเพศชาย การออกกำลังกาย เล่นกีฬา ระบบการเผาผลาญพลังงาน
ขั้นตอนการทำงานของแอล-คาร์นิทีนที่ช่วยลดน้ำหนักทั้ง 7 ขั้นตอนโดยเริ่มจาก
- เร่งนำไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรียเพื่อใช้เป็นพลังงาน
- ลดขบวนการ Glycolysis
- ลดการสลาย Branch amino Acids
- กระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
- เพิ่มปริมาณ Mitochondrial free CoA
- เพิ่มการขนส่งอิเล็คตรอนเพื่อให้เกิดพลังงาน
- เพิ่มการนำกลูโคสไปเลี้ยงเซลล์สมอง
สรุปได้ว่า แอล-คาร์นิทีน เป็นการเร่งนำไขมันไปเผาผลาญให้เป็นพลังงาน, เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และ ป้องกันการสลายของมวลกล้ามเนื้อ, นำกลูโคสไปเลี้ยงเซลล์สมองทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวสดชื่น นอกจากนั้นหากควบคุมอาหารประเภทแป้งควบคู่กับการเสริมแอล-คาร์นิทีนจะทำให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น
ผลการสรุปการทำงานของแอล-คาร์นิทีน ในด้านสุขภาพ
- ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ เพิ่ม HDL (ไขมันดี) ลด LDL (ไขมันร้าย)
- ช่วยให้แก่ช้าลง โดยแอล-คาร์นิทีนจะเป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
- ช่วยเพิ่มความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น โดยป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อจากสาเหตุออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ
- แอล-คาร์นิทีน ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มีความตื่นตัวตลอดเวลา
- ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและสภาวะหัวใจล้มเหลว
