ความรู้เกี่ยวกับยาลดไขมันในเลือด ยาลดไขมันในเลือดมีอะไรบ้าง ผลข้างเคียงของยาลดไขมันในเลือด
ยาลดไขมันในเลือดที่มีใช้ในปัจจุบันมีหลายกลุ่ม ได้แก่
ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม Statins
ยากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเด่นมากในการลดไขมันโคเลสเตอรอล นอกจากลดไขมันโคเลสเตอรอลได้ดีแล้ว ยังเชื่อว่ามีผลดีต่อหลอดเลือดแดง โดยกลไกไม่เกี่ยวข้องกับการลดไขมันด้วย ยากลุ่มนี้มีด้วยกันหลายชนิด เช่น Fluvastatin Atorvastatin Pravastatin Simvastatin Cerivastatin (ปัจจุบันไม่มี Cerivastatin จำหน่ายแล้ว) และ Rosuvastatin (ยังไม่มีจำหน่าย) สามารถลดระดับโคเลสเตอรอล และ แอล-ดี-แอล โคเลสเตอรอล ได้ดีมาก คือ 25-40% (ขึ้นกับชนิด และขนาดยา) เพิ่มเอช-ดี-แอล 6-10% ลด ไตรกลีเซอไรด์ได้ 10-20% ยานี้จึงควรใช้เป้นกลุ่มแรก สำหรับผู้ที่มีไขมันโคเลสเตอรอลสูง สำหรับผลแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ ตับอักเสบ (ค่า SGOT/SGPT ขึ้นสูงเล็กน้อย) พบได้น้อยประมาณ 1 ใน 15,000 ราย และกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง (Phabdomyolysis) 1 ใน 30,000 ราย ซึ่งนับว่าต่ำมาก แต่ก็ต้องระวัง โดยเฉพาะการใช้ยานี้ร่วมกับยากลุ่ม Fibrates และไม่ควรใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยโรคตับ
ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม Fibrates
ชื่อสามัญ เช่น Gemfibrozil Bezafibrate Fenofibrate ได้ผลดีในการลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดลงได้ 20-40% ขึ้นกับขนาดยาลดโคเลสเตอรอลได้น้อยมาก (8-10%) จนไม่ควรใช้เป็นตัวยาแรกในโคเลสเตอรอล เพิ่ม เอช-ดี-แอล โคเลสเตอรอล 10-15% จึงเหมาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มักจะมีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง และ เอช-ดี-แอล ต่ำ ผลแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ อาจเกิดนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มขึ้นได้ (แต่พิสูจน์ยังไม่ได้ชัดเจน) ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับ
ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม Niacin
เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า Nicotinic Acid หรือ Niacin สามารถลดไขมันในเลือดได้ทั้งโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไลด์ สามารถเพิ่มไขมัน เอช-ดี-แอล ได้มากที่สุดในบรรดายาที่มีอยู่ แต่ไม่เป้นที่นิยมใช้ เนื่องจากผลแทรกซ้อนจากยามีมาก ปัจจุบันมีการพัมนารูปแบบของยาเป้นชนิดออกฤทธิ์นาน ทำให้ผลแทรกซ้อนลดลง Niacin ลด แอล-ดี-แอล โคเลสเตอรอล ได้ 20-30% ลดไตรกลีเซอไรด์ 20-50% เพิ่มเอช-ดี-แอล ได้มากถึง 15-35% ผลแทรกซ้อนที่พบคือ อาการร้อนวูบวาบเนื่องจากการขยายหลอดเลือดแดง ความดันโลหิตต่ำ น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หรือควบคุมได้มากขึ้น กรดยูริคสูงขึ้น แต่ที่น่ากลัว คือ ตับอักเสบรุนแรง ปัจจุบันยานี้ในรูปแบบออกฤทธิ์นาน ยังไม่มีจำน่ายในประเทศไทย
ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม กลุ่มอื่นๆ
Orilstat เป็นยาที่ใช้ลดน้ำหนัก ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการดูดซึมของไขมันที่รับประทานเข้าไปในลำไส้ โดยลดการดูดซึมของไขมันเข้าร่างกายได้ประมาณ 30% เมื่อไขมันจากอาหารเข้าร่างกายลดลงผลพลอยได้ประการหนึ่ง คือไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดลดลงด้วยประมาณ 8-10% ยานี้มีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ไม่เป็นอันตราย แต่รำคาญ เช่น ท้องอืด ลมมาก ผายลมบ่อย อุจจาระเป็นน้ำมัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในบางรายจำเป็นต้องรับประทานยาเพื่อลดไขมันในเลือด เพื่อหวังผลในการลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือดแดง และลดปัญหาการแทรกซ้อนทางหลอดเลือดที่อาจเกิดขึ้น
Fish Oils (Omega-3-Polyunsaturates) น้ำมันปลา ที่มีส่วนผสมของ EPA และ DHA ในขนาดสูง สามารถลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้พอสมควร แต่ไม่มีผลลดไขมันโคเลสเตอรอล ผลแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ เกิดเลือดออกง่ายขึ้น จึงไม่ควรใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin, Orfarin) และควร ระวังการใช้น้ำมันปลาร่วมกับแอสไพริน ผลแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น เรอเป็นกลิ่นปลา ท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน แต่พบไม่บ่อยนัก
Ezetimibe เป็นยาที่อยู่ระหว่างการศึกษา ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย ยานี้น่าสนใจเพราะยับยั้งการดูดซึมของไขมันโคเลสเตอรอลในลำไส้ โดยที่ยาไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย พบว่าสามารถลด แอล-ดี-แอล โคเลสเตอรอล ได้ประมาณ 18-20% หากให้ร่วมกับยากลุ่ม Statins จะลด แอล-ดี-แอล ได้มากขึ้นเป็น 50%
อาหารที่มีกาก หรือ เส้นใยอาหารมาก จะช่วยในการดูดซับ ไขมันจากอาหาร ลดการดูดซึมไขมันเช่นกัน เช่น ข้าวกล้อง เป็นต้น
ผลแทรกซ้อนจากยากลุ่มสแตตินมีได้เช่นเดียวกันกับยาทุกชนิด ที่เด่นคือ ค่าเอนไซมย์ตับ (SGOT/SGPT) และ เอนไซมย์กล้ามเนื้อ (CPK) สูงขึ้น ซึ่งอาจบ่งถึงการอักเสบหรือไม่ก็ได้ น้อยรายมากที่จะเกิดอาการของ ?ตับอักเสบ? ชัดเจน หรือ กล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง เรียกได้ว่าโอกาสเกิดกรณีเช่นนั้นพบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 หากค่า SGOT/SGPT สูงขึ้นกว่าเดิมไม่เกิน 3 เท่า หรือ CPK สูงขึ้นไม่เกิน 10 เท่าก็ไม่จำเป็นต้องหยุดยาแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม ค่าต่างๆเหล่านี้อาจสูงขึ้นได้บ่อยๆในบางรายแม้ไม่รับประทานยา ดังนั้นค่าที่ผิดปกติไม่ได้หมายความว่าจะเกิดจากยาเสมอไป ผู้ที่รับประทานยากลุ่มนี้ควรตรวจค่าเอนไซมย์ดังกล่าวเป็นระยะๆ และ พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง ขาไม่มีแรงลุก เดิน เป็นต้น ผลแทรกซ้อนจากยาอาจพบสูงขึ้นได้หากไม่ระมัดระวัง เช่น การรับประทานยากลุ่มนี้บางตัวร่วมกับยาปฏิชีวนะบางชนิดอาจเสริมกัน ทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้นมากจนเป็นอันตราย จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานยาใดๆ นอกจากนั้นพันธุกรรมยังมีบทบาทด้วย บางรายมี ?ยีน? ที่ส่งเสริมการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ควรได้ รับยากลุ่มนี้อีกต่อไป
อาการปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย หรือ ตะคริว เป็นอาการที่พบบ่อย โดยผลเลือดมักจะปกติ อาการเช่นนี้อาจเกี่ยวข้องกับยาหรือไม่ก็ได้ หากมีอาการดังกล่าว แพทย์อาจทดลองให้หยุดยาชั่วคราวแล้วดูอาการ หรือ ลดขนาดยา หรือ แนะนำให้รับประทานยาอื่นๆแก้ไขตามอาการ การให้ Co Q10 รับประทานในบางรายอาจช่วยลดอาการตะคริวได้
ยาลดไขมันในเลือดมีอะไรบ้าง ผลข้างเคียงของยาลดไขมันในเลือด
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
- SukapabDee.com
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 13 มี.ค. 2011 12:39 am
- SukapabDee.com
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 13 มี.ค. 2011 12:39 am
Re: ยาลดไขมันในเลือดมีอะไรบ้าง ผลข้างเคียงของยาลดไขมันในเลือ
ประสิทธิภาพของยากลุ่มสแตติน
เนื่องจากไขมันในเลือดที่ สำคัญมี 2 ชนิดคือคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ แต่ตัวที่เป็นปัญหามากที่สุดคือคอเลสเตอรอล เพราะถ้าระดับคอเลสเตอรอลสูง จะส่งผลทำให้เสี่ยงต่อความผิดปกติของหลอดเลือด เกิดการสะสมคราบไขมันในรูของหลอดเลือด ซึ่งเป็นท่อไหลเดินทางของเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตัน และเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้
การเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพของยาลดระดับไขมัน ในเลือดส่วนใหญ่พิจารณาผลของยาที่มีต่อคอเลสเตอรอล ซึ่งแยกย่อยเป็นองค์ประกอบของคอเลสเตอรอลได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. ระดับคอเลสเตอรอลรวม (total cholesterol หรือย่อว่า TC)
2. ระดับแอลดีแอล (low density lipoprotein หรือย่อว่า LDL-C)
3. ระดับเอชดีแอล (high density lipoprotein หรือย่อว่า HDL-C)
ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลปกติ ควรมีค่า TC น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) มีค่าแอล-ดีแอล-คอเลสเตอรอล (LDL-C) น้อยกว่า 100 มก./ดล. และมีค่าเอชดีแอล-คอเลสเตอรอล (HDL-C) ตั้งแต่ 40 มก./ดล.ขึ้นไป
ข้อสังเกตว่าคนปกติควรรักษาระดับ TC ให้ไม่เกิน 200 มก./ดล. และ LDL-C ให้ไม่เกิน 100 มก./ดล. ยิ่งมีค่าทั้ง 2 นี้ยิ่งน้อยยิ่งดี บางครั้งจึงเรียก แอลดีแอล-คอเลสเตอรอลว่า "ไขมันไม่ดี" แต่ตรงกันข้ามควรเพิ่มระดับเอชดีแอล-คอเลสเตอรอลให้มีค่าตั้งแต่ 40 มก./ดล.ขึ้นไป ยิ่งมีค่านี้ยิ่งมากยิ่งดี จึงเรียกเอชดีแอล-คอเลสเตอรอลว่า "ไขมันดี"
หมอชาวบ้าน
เนื่องจากไขมันในเลือดที่ สำคัญมี 2 ชนิดคือคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ แต่ตัวที่เป็นปัญหามากที่สุดคือคอเลสเตอรอล เพราะถ้าระดับคอเลสเตอรอลสูง จะส่งผลทำให้เสี่ยงต่อความผิดปกติของหลอดเลือด เกิดการสะสมคราบไขมันในรูของหลอดเลือด ซึ่งเป็นท่อไหลเดินทางของเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตัน และเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้
การเปรียบเทียบ ประสิทธิภาพของยาลดระดับไขมัน ในเลือดส่วนใหญ่พิจารณาผลของยาที่มีต่อคอเลสเตอรอล ซึ่งแยกย่อยเป็นองค์ประกอบของคอเลสเตอรอลได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. ระดับคอเลสเตอรอลรวม (total cholesterol หรือย่อว่า TC)
2. ระดับแอลดีแอล (low density lipoprotein หรือย่อว่า LDL-C)
3. ระดับเอชดีแอล (high density lipoprotein หรือย่อว่า HDL-C)
ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลปกติ ควรมีค่า TC น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) มีค่าแอล-ดีแอล-คอเลสเตอรอล (LDL-C) น้อยกว่า 100 มก./ดล. และมีค่าเอชดีแอล-คอเลสเตอรอล (HDL-C) ตั้งแต่ 40 มก./ดล.ขึ้นไป
ข้อสังเกตว่าคนปกติควรรักษาระดับ TC ให้ไม่เกิน 200 มก./ดล. และ LDL-C ให้ไม่เกิน 100 มก./ดล. ยิ่งมีค่าทั้ง 2 นี้ยิ่งน้อยยิ่งดี บางครั้งจึงเรียก แอลดีแอล-คอเลสเตอรอลว่า "ไขมันไม่ดี" แต่ตรงกันข้ามควรเพิ่มระดับเอชดีแอล-คอเลสเตอรอลให้มีค่าตั้งแต่ 40 มก./ดล.ขึ้นไป ยิ่งมีค่านี้ยิ่งมากยิ่งดี จึงเรียกเอชดีแอล-คอเลสเตอรอลว่า "ไขมันดี"
หมอชาวบ้าน
ยาลดไขมันในเลือดมีอะไรบ้าง ผลข้างเคียงของยาลดไขมันในเลือด
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
- แพทย์เตือน “กระดาษเมา สติกเกอร์เมา” ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง อันตรายถึงชีวิต (29 views)
- หน้าฝนต้องระวัง โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนยา) โรคร้ายที่ยุงลายเป็นพาหะ (176 views)
- โรคตายอดฮิตที่พบบ่อยในผู้สูงวัย รู้ทัน ป้องกันได้ (64 views)
- RSV (Respiratory Syncytial Virus) ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก (41 views)
- ผ่าตัดเข่าเสื่อมใส่ข้อเข่าเทียม เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงไหม? (84 views)
- สถาบันประสาทวิทยาเผยความก้าวหน้าการผ่าตัด บายพาสหลอดเลือดสมอง รักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบชนิดโรคโมยาโมย่า (147 views)
- ภาวะม่านตาอักเสบ ส่อสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม (72 views)
- 5 อาการสำคัญ ของโรคไข้เลือดออก รู้ทัน... ป้องกันได้ ไม่ต้องเสี่ยง (171 views)