
เรืออากาศเอก นพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด คือ การสูบหรือรับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง สัญญาณเตือนของมะเร็งปอด คือ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น ไอเรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์ ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการเสียงแหบ เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่น ๆ ได้ ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์ วิธีการคัดกรอง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอ็กซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการ เกิดโรคลงได้ การตรวจวินิจฉัยหลัก ๆ ประกอบไปด้วยการถ่ายภาพรังสี (เอ็กซเรย์ปอด เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการ ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม (molecular genetic testing) เพื่อทำนายพยากรณ์ของโรคและแนวทางการรักษาได้มากยิ่งขึ้น
พญ.ณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์ แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันนั้น ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา เช่น หากเป็นชนิดเซลล์ขนาดเล็ก การรักษาหลักคือการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเป็นชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง การรักษาหลักคือการผ่าตัดและตามด้วยยาเคมีบำบัด ในบางกรณีหากโรคเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าหากโรคลุกลามไปมากแล้ว การรักษาด้วยยาต่าง ๆ จะเป็นการรักษาหลัก ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น
มะเร็งปอดถือว่าเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคค่อนข้างมากส่งผลกระทบต่อชีวิตสูง อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกค่อนข้างลำบากทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุดคือควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาโดยสาเหตุที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดนั้นเกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute และ Line : NCI รู้สู้มะเร็ง