Skip ไปที่เนื้อหา

การรักษาอาการท้องผูกโดยใช้ยาระบาย ยาระบายมีกี่ประเภทกี่กลุ่ม

เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

การรักษาอาการท้องผูกโดยใช้ยาระบาย ยาระบายมีกี่ประเภทกี่กลุ่ม

 โพสต์ สุขภาพดี    2624

การรักษาอาการท้องผูกโดยการใช้ยาระบาย
เมื่อเกิดภาวะท้องผูกและมีความจำเป็นต้อง ใช้ยาในการรักษา ควรใช้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควร ใช้ติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะยากลุ่มที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดยาและการเกิดกลุ่มอาการท้องผูกสลับท้องเสีย (Irritable Bowel Syndrome) ซึ่งจะทำให้การทำงานของลำไส้ใหญ่ ลดลงมากกว่าปกติ เยื่อเมือกบุผนังลำไส้เหี่ยวผิดปกติ กล้ามเนื้อใต้เยื่อบุผิวลำไส้หนามากขึ้น ปมประสาทเสื่อม และเกิดการสูญเสียโปรตีนทางลำไส้ได้

tags ป้ายชื่อ keyword คำค้น ชนิดยาระบาย, วิธีการรักษาอาการท้องผูก, ประเภทของยาระบาย, ยาระบายมีกี่ชนิด, ยาระบายมีกี่ประเภท, กี่แบบ, ยาระบายที่ปลอดภัย, ยาระบายที่อันตราย, วิธีใช้ยาระบาย
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: การรักษาอาการท้องผูกโดยใช้ยาระบาย ยาระบายมีกี่ประเภทกี่ก

 โพสต์ สุขภาพดี    2624

การแบ่งประเภทกลุ่มของยาระบาย อาจแบ่งได้เป็นกลุ่ม ๆ ได้ดังนี้

1. กลุ่มสารที่ทำให้อุจจาระเกาะตัวเป็นก้อน (Bulk-Forming Agents) เป็นยาที่ต้องกินพร้อมกับน้ำ ออกฤทธิ์ดูดน้ำและขยายตัวในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเนื้ออุจจาระ ทำให้ลำไส้บีบและขยายตัวเพิ่มขึ้น ยาไม่ถูกดูดซึมในลำไส้ จึงมีฤทธิ์อ่อนและปลอดภัยที่สุด ระยะเวลาออกฤทธิ์ 12-24 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากเปลือกอิสปากูลา (Ispaghula) เป็นต้น

2. กลุ่มยากระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ (Stimulants) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์สะสมน้ำในช่องทางเดินอาหารและเพิ่มการซึมผ่านสารละลายของเยื่อบุลำไส้ ได้แก่
- กลุ่มไดฟีนีลมีเทน (Diphenylmethanes) เช่น ยาฟีนอล์ฟทาลีน (Phenolpthalein) และยาบีสอะโคดีล (Bisacodyl) ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทสัมผัสทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับการบีบรูดของลำ ไส้ แต่อาจทำให้ เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ปวดท้อง หรือ กล้ามเนื้อท้องเป็นตะคริวได้
- กลุ่มแอนทราซีนกลัยโคซัย (Anthracene Glycosides) เช่น ยาระบายมะขามแขก ที่จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบรูดตัวของลำไส้ใหญ่
- น้ำมันละหุ่ง (Castor Oil) จะออกฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้โดยตรง แต่ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ หรือขณะมีประจำเดือน รวมทั้งผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกแบบอุจจาระอัดแน่นเป็นก้อนแข็ง
- กลุ่มแอนตี้โคลีนเอสเทอเรส (Anticholinesterases) เช่น ยาเบธานีโคล คลอไรด์ (Bethanechol Cholride) ซึ่งออกฤทธิ์เพิ่มจังหวะการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ กระเพาะอาหาร จึงห้ามใช้กับผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ หญิงมีครรภ์ รวมทั้งผู้ป่วยโรคต่อมไธรอยด์ทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism) โรคหืด โรคลมชัก และ โรคพาร์คินสัน (Parkinsonism)
- ยาเหน็บกลีเซอรีน (Glycerin) มีฤทธิ์กระตุ้นให้ทวารหนักบีบตัว และช่วยหล่อลื่น
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: การรักษาอาการท้องผูกโดยใช้ยาระบาย ยาระบายมีกี่ประเภทกี่ก

 โพสต์ สุขภาพดี    2624

3. กลุ่มยาที่ทำให้อุจจาระนิ่ม (Fecal Softener) เช่น ยาด๊อกคิวเซท โซเดียม (Docusate Sodium) ออกฤทธิ์ช่วยลดความตึงผิวของอุจจาระ ทำให้น้ำและไขมันซึมเข้าได้ง่าย ช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม และช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำและเกลือแร่ ทำให้ถ่ายอุจจาระภายใน 1-2 วัน ยานี้อาจทำให้เกิดการเบื่ออาหาร อาเจียน ท้องร่วงได้ และห้ามใช้ร่วมกับมิเนอรอล ออยล์(Mineral Oil)

4. กลุ่มยาที่เพิ่มแรงตึงผิวของอุจจาระ (Osmotic Laxatives) เช่น
- กลุ่มเกลือของแมกนีเซียม กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น แต่ยานี้ห้ามใช้กับผู้ป่วยสำไส้อุดตันและไม่ควรใช้กับผู้สูงอายุที่มีการทำ งานของไตบกพร่อง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย หมดสติ หรือเสียชีวิตจากภาวะโปแตสเซียมต่ำ
- ยาสวนทวารหนัก (Enema) ประกอบด้วยโซเดียม ฟอสเฟต (Sodium Phosphate) และโซเดียมซิเตรท (Sodium Citrate) ยานี้อาจทำให้เกิดเยื่อบุลำไส้ระคายเคืองได้
- แลคทูโลส (Lactulose) มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย หากใช้ขนาดสูงทำให้เกิดท้องเดินได้ อีกทั้ง ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีส่วนประกอบเป็นน้ำตาล

5. กลุ่มสารหล่อลื่น (Lubricants) เช่น พารัฟฟินเหลว (Liquid Paraffin) , น้ำมันมะกอก (Olive Oil) และน้ำมันจากเมล็ดฝ้าย มีฤทธิ์ทำให้อุจจาระเหลว แต่ห้ามใช้กับทารกแรกเกิด , ผู้ป่วยที่กลืนลำบาก และ หญิงมีครรภ์
นอกจากยาทั้ง 5 กลุ่มที่กล่าวมาแล้ว ยังมียาซึ่งถือได้ว่ามีความปลอดภัย และสามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ ยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งมีอยู่ 5 ชนิด คือ ยาระบายกลีเซอรีน ชนิดเหน็บทวารสำหรับเด็ก , ยาระบายกลีเซอรีน ชนิดเหน็บทวารสำหรับผู้ใหญ่ , ยาระบายแมกนีเซียม , ยาระบายมะขามแขกและ ยาระบายโซเดียมคลอไรด์ ชนิดสวนทวาร และ เรายังสามารถใช้สมุนไพรในการรักษาอาการท้องผูกได้ เช่น ใบอ่อนหรือแกนของขี้เหล็ก(Cassia siamea Britt.) , เนื้อในฝักของคูน (Cassia fistula Linn.) , ช่อดอกหรือใบสดของชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.) เนื่องจากพืชทั้งสามชนิดจะมีสารแอนทราควินโนน กลัยโคซัย (Anthraquinones Glycosides) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบรูดตัวของลำไส้ใหญ่ เช่นเดียวกับ ใบหรือฝักของมะขามแขก (Cassia acutifolia Belile หรือ C. angustifolia Vahl.) นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรอื่นอีก ได้แก่ เนื้อในฝักที่แก่จัดของมะขาม ที่เรียกว่า มะขามเปียก ซึ่งจะมีสารสำคัญสองชนิด คือ กรดทาร์ทาริก (Tartaric acid)และกรดซิตริก (Citric acid) และผลแก่จัดของแมงลัก ซึ่งมักจะเรียกว่าเมล็ดของแมงลัก (Ocimum americanum Linn.) เป็นต้น

เอกสารเผยแพร่ กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค อย.
 การรักษาอาการท้องผูกโดยใช้ยาระบาย ยาระบายมีกี่ประเภทกี่กลุ่ม
 เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
ตอบกลับโพสต์
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount