Skip ไปที่เนื้อหา

อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

 โพสต์ สุขภาพดี    3647

การใช้ยาระบาย
ยาระบายเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาอาการท้อง ผูก ซึ่งจัดเป็นอาการที่เกิดกับทางเดินอาหาร เกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยพบว่า บางคนมีอาการท้องผูกรุนแรง ถึงขั้นจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด บางคนก็มีอาการท้องผูกเรื้อรัง จนทำให้เกิดโรคตามมา เช่น ริดสีดวงทวาร เป็นต้น สำหรับรายที่มีอาการท้องผูกเล็กน้อย คงไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาในการรักษาแต่อย่างใด แต่หากมีอาการท้องผูกมากขึ้น และเป็นประจำ การใช้ยา ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยรักษาอาการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ท้องผูกจัดเป็นอาการ มิใช่เป็นชื่อของโรค การจะทราบว่าใครมีภาวะท้องผูกบ้าง อาจดูได้จากอาการต่อไปนี้ คือ ต้องเบ่งอุจจาระมากกว่าร้อยละ 25 ของการขับถ่ายทั้งหมด หรือการมีภาวะอุจจาระแข็ง ถ่ายอุจจาระไม่หมด รู้สึกตุงบริเวณทวารหนัก หรือต้องใช้นิ้วล้วงทวารหนักเพื่อช่วยการขับถ่าย และ สุดท้าย คือ จำนวนการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากเกิดอาการข้างต้นมากกว่า 2 อาการ ถือว่ามีภาวะท้องผูก

เอกสารเผยแพร่ กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค อย.
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

 โพสต์ สุขภาพดี    3647

สาเหตุการเกิดอาการท้องผูก อาจเกิดได้จาก

1. มีความผิดปกติทางกายภาพ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติทางสรีระหรือโรคของสำไส้ รูทวาร ไขสันหลัง ความผิดปกติของเส้นประสาทที่ควบคุมการถ่าย การอุดตันของสำไส้ มะเร็งลำไส้ หรือพบร่วมกับโรคของระบบอื่น เช่น ภาวะการมีฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ และการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาคลายความกังวล ยารักษาโรคจิตและอาการซึมเศร้า เป็นต้น

2. ท้องผูกโดยไม่มีความผิดปกติทางกายภาพ เป็นอาการท้องผูกที่พบในคนที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรค สาเหตุอาจเกิดได้จาก อุปนิสัยการขับถ่าย ความเป็นอยู่ หรือจากสิ่งแวดล้อม อารมณ์และจิตใจก็ได้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีกากน้อย ดื่มน้ำน้อย การขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น หรือแม้แต่การกลั้นอุจจาระเนื่องจากความรีบร้อนในการทำงาน ทำให้ละเลยต่อการปวดถ่าย
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

 โพสต์ สุขภาพดี    3647

การรักษาอาการท้องผูก

1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา

กรณีภาวะที่มีอาการท้องผูกไม่รุนแรง อาการหายไปโดยไม่ต้องใช้ยาได้ ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีกาก เช่น ผักต่าง ๆ และ ดื่มน้ำมาก ๆ พยายามปรับสภาพชีวิตประจำวันให้มีการใช้แรงงานให้มากขึ้น เช่น ลดการใช้ลิฟท์หรือบันไดเลื่อนแล้วใช้การเดินแทน หรือการเดินแทนการขึ้นรถในระยะทางใกล้ ๆ ที่สำคัญคือ ต้องออกกำลังกาย รวมทั้งควรบริหารร่างกายส่วนที่ให้ผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพราะจะช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติและเป็นเวลา เช่น การให้นอนราบ เอามือวางบนอก เกร็งกล้ามเนื้อให้พยุงตัวขึ้นนั่ง โดยพยายามอย่างอเข่า หรือยกเท้า ทำซ้ำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้ง หรือ ให้นอนราบ เอามือวางบนอก เกร็งกล้ามเนื้อท้องให้สามารถยกขาขึ้น เหนือพื้นโดยเหยียดขาให้ตรง ทำซ้ำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้ง

2. การรักษาโดยการใช้ยา
เมื่อเกิดภาวะท้องผูกและมีความจำเป็นต้อง ใช้ยาในการรักษา ควรใช้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควร ใช้ติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะยากลุ่มที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดยาและการเกิดกลุ่มอาการท้องผูกสลับท้องเสีย (Irritable Bowel Syndrome) ซึ่งจะทำให้การทำงานของลำไส้ใหญ่ ลดลงมากกว่าปกติ เยื่อเมือกบุผนังลำไส้เหี่ยวผิดปกติ กล้ามเนื้อใต้เยื่อบุผิวลำไส้หนามากขึ้น ปมประสาทเสื่อม และเกิดการสูญเสียโปรตีนทางลำไส้ได้
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

 โพสต์ สุขภาพดี    3647

การแบ่งประเภทกลุ่มของยาระบาย อาจแบ่งได้เป็นกลุ่ม ๆ ได้ดังนี้

1. กลุ่มสารที่ทำให้อุจจาระเกาะตัวเป็นก้อน (Bulk-Forming Agents) เป็นยาที่ต้องกินพร้อมกับน้ำ ออกฤทธิ์ดูดน้ำและขยายตัวในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเนื้ออุจจาระ ทำให้ลำไส้บีบและขยายตัวเพิ่มขึ้น ยาไม่ถูกดูดซึมในลำไส้ จึงมีฤทธิ์อ่อนและปลอดภัยที่สุด ระยะเวลาออกฤทธิ์ 12-24 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากเปลือกอิสปากูลา (Ispaghula) เป็นต้น

2. กลุ่มยากระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ (Stimulants) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์สะสมน้ำในช่องทางเดินอาหารและเพิ่มการซึมผ่านสารละลายของเยื่อบุลำไส้ ได้แก่
- กลุ่มไดฟีนีลมีเทน (Diphenylmethanes) เช่น ยาฟีนอล์ฟทาลีน (Phenolpthalein) และยาบีสอะโคดีล (Bisacodyl) ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทสัมผัสทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับการบีบรูดของลำ ไส้ แต่อาจทำให้ เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ปวดท้อง หรือ กล้ามเนื้อท้องเป็นตะคริวได้
- กลุ่มแอนทราซีนกลัยโคซัย (Anthracene Glycosides) เช่น ยาระบายมะขามแขก ที่จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบรูดตัวของลำไส้ใหญ่
- น้ำมันละหุ่ง (Castor Oil) จะออกฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้โดยตรง แต่ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ หรือขณะมีประจำเดือน รวมทั้งผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกแบบอุจจาระอัดแน่นเป็นก้อนแข็ง
- กลุ่มแอนตี้โคลีนเอสเทอเรส (Anticholinesterases) เช่น ยาเบธานีโคล คลอไรด์ (Bethanechol Cholride) ซึ่งออกฤทธิ์เพิ่มจังหวะการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ กระเพาะอาหาร จึงห้ามใช้กับผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ หญิงมีครรภ์ รวมทั้งผู้ป่วยโรคต่อมไธรอยด์ทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism) โรคหืด โรคลมชัก และ โรคพาร์คินสัน (Parkinsonism)
- ยาเหน็บกลีเซอรีน (Glycerin) มีฤทธิ์กระตุ้นให้ทวารหนักบีบตัว และช่วยหล่อลื่น

3. กลุ่มยาที่ทำให้อุจจาระนิ่ม (Fecal Softener) เช่น ยาด๊อกคิวเซท โซเดียม (Docusate Sodium) ออกฤทธิ์ช่วยลดความตึงผิวของอุจจาระ ทำให้น้ำและไขมันซึมเข้าได้ง่าย ช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม และช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำและเกลือแร่ ทำให้ถ่ายอุจจาระภายใน 1-2 วัน ยานี้อาจทำให้เกิดการเบื่ออาหาร อาเจียน ท้องร่วงได้ และห้ามใช้ร่วมกับมิเนอรอล ออยล์(Mineral Oil)

4. กลุ่มยาที่เพิ่มแรงตึงผิวของอุจจาระ (Osmotic Laxatives) เช่น
- กลุ่มเกลือของแมกนีเซียม กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น แต่ยานี้ห้ามใช้กับผู้ป่วยสำไส้อุดตันและไม่ควรใช้กับผู้สูงอายุที่มีการทำ งานของไตบกพร่อง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย หมดสติ หรือเสียชีวิตจากภาวะโปแตสเซียมต่ำ
- ยาสวนทวารหนัก (Enema) ประกอบด้วยโซเดียม ฟอสเฟต (Sodium Phosphate) และโซเดียมซิเตรท (Sodium Citrate) ยานี้อาจทำให้เกิดเยื่อบุลำไส้ระคายเคืองได้
- แลคทูโลส (Lactulose) มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย หากใช้ขนาดสูงทำให้เกิดท้องเดินได้ อีกทั้ง ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีส่วนประกอบเป็นน้ำตาล

5. กลุ่มสารหล่อลื่น (Lubricants) เช่น พารัฟฟินเหลว (Liquid Paraffin) , น้ำมันมะกอก (Olive Oil) และน้ำมันจากเมล็ดฝ้าย มีฤทธิ์ทำให้อุจจาระเหลว แต่ห้ามใช้กับทารกแรกเกิด , ผู้ป่วยที่กลืนลำบาก และ หญิงมีครรภ์
นอกจากยาทั้ง 5 กลุ่มที่กล่าวมาแล้ว ยังมียาซึ่งถือได้ว่ามีความปลอดภัย และสามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ ยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งมีอยู่ 5 ชนิด คือ ยาระบายกลีเซอรีน ชนิดเหน็บทวารสำหรับเด็ก , ยาระบายกลีเซอรีน ชนิดเหน็บทวารสำหรับผู้ใหญ่ , ยาระบายแมกนีเซียม , ยาระบายมะขามแขกและ ยาระบายโซเดียมคลอไรด์ ชนิดสวนทวาร และ เรายังสามารถใช้สมุนไพรในการรักษาอาการท้องผูกได้ เช่น ใบอ่อนหรือแกนของขี้เหล็ก(Cassia siamea Britt.) , เนื้อในฝักของคูน (Cassia fistula Linn.) , ช่อดอกหรือใบสดของชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.) เนื่องจากพืชทั้งสามชนิดจะมีสารแอนทราควินโนน กลัยโคซัย (Anthraquinones Glycosides) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบรูดตัวของลำไส้ใหญ่ เช่นเดียวกับ ใบหรือฝักของมะขามแขก (Cassia acutifolia Belile หรือ C. angustifolia Vahl.) นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรอื่นอีก ได้แก่ เนื้อในฝักที่แก่จัดของมะขาม ที่เรียกว่า มะขามเปียก ซึ่งจะมีสารสำคัญสองชนิด คือ กรดทาร์ทาริก (Tartaric acid)และกรดซิตริก (Citric acid) และผลแก่จัดของแมงลัก ซึ่งมักจะเรียกว่าเมล็ดของแมงลัก (Ocimum americanum Linn.) เป็นต้น
  • ภาพประจำตัว
  • สุขภาพดี
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am

Re: อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก

 โพสต์ สุขภาพดี    3647

การเลือกซื้อยาระบาย
การเลือกซื้อยาระบายซึ่งเป็นยาแผน ปัจจุบันนั้น ควรซื้อยาที่มีลักษณะกายภาพภายนอกใหม่ ไม่เก่า หรือผิดจากปกติ , ควรสังเกตว่ายาระบายนั้น หมดอายุหรือยัง โดยดูที่ วันหมดอายุ ซึ่งฉลากอาจระบุคำอื่น ๆ ได้เช่น Exp. Date , Expiry Date หรือ Use before เป็นต้น ถ้าหมดอายุแล้วก็ไม่ควรซื้อ และควรสังเกตว่ายาระบายนั้น ฉลากระบุผู้ผลิต , สถานที่ผลิต หรือ เลขทะเบียนยาชัดเจน

ข้อแนะนำในการใช้ยาระบาย
ควรดูข้อมูลที่ระบุที่ฉลากก่อนใช้ ยาอย่างละเอียด เช่น วิธีการใช้ , ขนาดการใช้ยา หรือข้อควรระวังต่าง ๆ เป็นต้น และการใช้ยาระบายในเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ มีข้อแนะนำ คือ
การใช้ยาสำหรับเด็กที่มีอาการท้องผูก โดยทั่วไป ไม่แนะนำให้ให้ใช้ยากลุ่มกระตุ้นการบีบตัวของ ลำไส้บ่อยครั้ง ห้ามใช้ยาสวนทวารหนักในเด็กต่ำกว่า 2 ปี ในกลุ่มเด็กแรกเกิด อาจใช้กลุ่มยาเหน็บทวารหนักกลีเซอรีน เพราะอาการข้างเคียงต่ำมาก ซึ่งการใช้ยาระบายในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
การใช้ยาในหญิงมีครรภ์ หากจำเป็นต้องใช้ยา ควรใช้ยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ทำให้อุจจาระจับตัวเป็นก้อนนิ่ม หรือยาที่เพิ่มแรงตึงผิว ห้ามใช้ยากลุ่มน้ำมันละหุ่ง เพราะผลการระคายเคืองของยาจะทำให้ แรงแบ่งคลอดลดลง
การใช้ยาระบายเป็นประจำในผู้ป่วยสูงอายุ ที่มีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ตับหรือไตทำงานบกพร่อง อาจทำให้เกิดการเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ได้
 อาการท้องผูก สาเหตุ และการใช้ยาระบายบรรเทาอาการท้องผูก
 เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
ตอบกลับโพสต์
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount