Skip ไปที่เนื้อหา

ให้เวลาลูกอย่างเพียงพอ ลดปัญหาติดเกมเรียนแย่

Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
  • ภาพประจำตัว
  • Warisara
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. 17 มี.ค. 2011 12:55 am

ให้เวลาลูกอย่างเพียงพอ ลดปัญหาติดเกมเรียนแย่

 โพสต์ Warisara    1144

จากกรณีที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,245 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับการศึกษาและกลุ่มอาชีพ เรื่อง การศึกษากับปัญหาของเยาวชนไทย ?กรณีปัญหาของเยาวชนไทยที่ส่งผลกระทบต่อการเรียน? เมื่อไม่นานมานี้ จากการสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 56.71 ระบุว่าสาเหตุของปัญหาที่ทำให้ผลการเรียนของเยาวชนตกต่ำเกิดจากการที่สนใจเรื่องเกมมากเกินไป
รองลงมา ร้อยละ 38.96 ระบุว่าเกิดจากเยาวชนให้ความสนใจสื่อเพื่อความบันเทิงมากขึ้น ทำให้ความสนใจในการศึกษาหาความรู้ลดน้อยลง และอีกร้อยละ 36.22 ระบุบว่าเป็นเพราะพ่อแม่ทุ่มเวลาหาเงิน ทำงาน และใช้เงิน ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงดูเด็ก ในขณะที่ประชาชนร้อยละ 31.49 ระบุว่าสาเหตุมาจากคุณภาพของครูผู้สอน และร้อยละ 23.45 ระบุว่าเป็นเพราะสื่อการเรียนการสอนที่ทำให้เยาวชนนั้นมีผลการเรียนที่ตกต่ำ
สำหรับปัญหาเรื่องเด็กติดเกมนั้น จากข้อมูลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้วิเคราะห์ถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขดังนี้
โดย ผศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า จากงานวิจัยที่เคยศึกษามาพบว่าปัญหาของเด็กติดเกม ได้แก่ เด็กมีความเครียดและขาดทักษะในการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม โดยเด็กใช้การเล่นเกมเพื่อคลายเครียดสูงเป็น 6 เท่าของเด็กที่ไม่ติดเกม และเด็กที่เล่นเกมออนไลน์มีความเสี่ยงติดเกมมากกว่าคนที่ไม่ได้เล่นเกมออนไลน์เกือบ 4 เท่า
สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ใช้อารมณ์ในการอบรมสั่งสอนลูก จะมีโอกาสติดเกมสูงกว่าเด็กที่ผู้ปกครองใช้เหตุผลในการเลี้ยงดูเกือบ 7 เท่า เด็กที่พ่อแม่อนุญาตให้มีอุปกรณ์เล่นเกมหรือคอมพิวเตอร์ในห้องส่วนตัวจะมีโอกาสติดเกมสูงขึ้นประมาณ 2 เท่า และมีร้านเกมอยู่ใกล้บ้าน
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นผู้นี้กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ระยะเวลาการเล่นเกมในช่วงเปิดเทอม วันจันทร์-ศุกร์ เด็กที่เล่นเกมนานกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสติดเกมสูงขึ้น 3 เท่า ในวันเสาร์-อาทิตย์ เด็กที่เล่นเกมนานกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสติดเกมสูงขึ้น 3.7 เท่า และเด็กที่เล่นเกมนานกว่า 9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีโอกาสติดเกมสูงขึ้น 3 เท่า
ส่วนช่วงปิดเทอมในวันจันทร์-ศุกร์ เด็กที่เล่นเกมนานกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสติดเกมสูงขึ้น 3.5 เท่า ในวันเสาร์-อาทิตย์ เด็กที่เล่นเกมนานกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสติดเกมสูงขึ้น 3.7 เท่า และเด็กที่เล่นเกมนานกว่า 16 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีโอกาสติดเกมสูงขึ้นประมาณ 4 เท่า
แนวทางแก้ไขโดยเริ่มที่ผู้ปกครอง คือฝึกให้ลูกรับผิดชอบงานบ้านตั้งแต่เล็กๆ สอนให้รู้จักแบ่งเวลา มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมต่างๆ มีการวางกฎระเบียบที่ชัดเจนในบ้าน ตระหนักในปัญหาเด็กติดเกม รับฟังปัญหาหรือความคิดเห็นของลูก รับฟังเหตุผลเมื่อเขากระทำผิด เป็นการเลี้ยงดูที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเกมให้น้อยลง
ผู้ปกครองที่มีเวลาให้ลูกเพียงพอ มีการแสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความเข้าใจกันในครอบครัว ซึ่งหมายถึงการให้เวลาที่มีคุณภาพกับเด็ก ด้วยการเล่นกับลูก พูดคุย สื่อสารกันในเชิงบวกไม่ต่ำกว่าวันละ 40 นาที จะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการติดเกมที่ดี
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกรักษากฎกติกาในการเล่นเกม คือ ความชัดเจนและสม่ำเสมอในการดูแล และควบคุมการเล่นเกมของลูกจากผู้ปกครอง
นอกจากนี้ ต้องควบคุมเพื่อนของเขาและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว เพราะหากลูกมีเพื่อนๆ ติดเกมก็จะเป็นปัจจัยเสียงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ถ้าเพื่อนสนิทส่วนใหญ่ไม่ชอบเล่นเกม เด็กจะมีโอกาสไม่ติดเกมน้อยลง
พร้อมทั้งครูและอาจารย์ในโรงเรียนจะต้องตระหนักถึงปัญหาการติดเกมที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่อนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์ของโรงเรียนเพื่อเล่นเกม หรือมีระบบป้องกันไม่ให้เด็กเล่นเกมในโรงเรียน
อีกทั้งส่งเสริมให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ทำหลังเลิกเรียน อย่างเช่น การออกกำลังกาย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเกมของเด็กนักเรียนให้น้อยลงได้เช่นกัน.
/-/-/-/-
(ล้อมกรอบ)
บุหรี่ส่งผลสมองเสื่อมเร็ว
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยรายงานการวิจัยจากคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ที่พบว่า การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อความจำ การเรียนรู้และความสามารถการวิเคราะห์ของสมอง
งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารเจอร์นอลเอจ แอนด์ เอจจิ้ง โดยการติดตามผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี 8,800 คน ด้วยการทดสอบสมรรถภาพของสมอง เช่น ความจำ การเรียนรู้คำใหม่ๆ หรือการให้บอกชื่อสัตว์ให้ได้มากที่สุดภายใน 1 นาที ภายหลังการติดตาม 4 ปี และ 8 ปี พบว่าตัวแปรที่ทำให้สมรรถภาพของสมองลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือ การสูบบุหรี่มีผลมากที่สุด รองลงมาคือ ความดันโลหิตสูง และน้ำหนักตัวเกิน คณะผู้วิจัยสรุปว่าตัวแปรเหล่านี้แต่เดิมมารับรู้กันว่าไม่ดีต่อหัวใจ คือทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าไม่ดีต่อสมองด้วย
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภาคีของ สสส. กล่าวว่า งานวิจัยนี้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าการสูบบุหรี่ส่งผลต่อการเสื่อมหรือแก่ของอวัยวะทั่วร่างกาย โดยไม่มีข้อยกเว้น เนื่องจากสารพิษและสารแปลกปลอมนับร้อยชนิดที่มีในควันบุหรี่จะถูกกระแสเลือดพาไปสัมผัสและทำอันตรายต่อทุกอวัยวะ ที่เราเห็นได้ชัดคือ ผิวหนังและใบหน้าที่เหี่ยวย่น เกิดจากการที่คอลลาเจนใต้ผิวหนังถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ และอวัยวะ เช่น ปอดที่ถุงลมถูกทำลายจนเป็นโรคถุงลมปอดพอง
ในขณะที่เส้นเลือดทั่วร่างกายก็เกิดการแข็งตัว และรูเส้นเลือดค่อยๆ ตีบตัน การสูบบุหรี่จึงไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการเสื่อมของร่างกายทางกายภาพเท่านั้น งานวิจัยของคิงส์คอลเลจยังแสดงว่า พิษภัยของบุหรี่ยังทำให้ระดับสติปัญญาของสมองลดลงด้วย ทางที่ดีที่สุดจึงควรที่จะเลิกสูบบุหรี่ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไรก็ตาม
ที่มา http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/081212/66274
 ให้เวลาลูกอย่างเพียงพอ ลดปัญหาติดเกมเรียนแย่
 Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount