Skip ไปที่เนื้อหา

แบรนด์ ?อาปราคัวร์? ยาแก้หวัดที่กำลังจะกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง

เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
  • ภาพประจำตัว
  • Press
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 17 เม.ย. 2012 4:56 pm

แบรนด์ ?อาปราคัวร์? ยาแก้หวัดที่กำลังจะกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง

 โพสต์ Press    905

นายทวีศักดิ์ สีทองสุภณา ประธานกรรมการ บริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า พฤติกรรมของคนไทย หันมาซื้อยาเพื่อรับประทานเองมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรักษาโรคพื้นฐานอย่างไข้หวัด ซึ่งเกิดอาการป่วยได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด โดยได้เจรจารับสิทธิ์การจำหน่านและทำตลาดยาแก้หวัด ?อาปราคัวร์? จากเยอรมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเชริ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์

ทั้งนี้ยาอาปราคัวร์ เป็นแบรนด์ยาแก้หวัดที่เข้ามาในเมืองไทยกว่า 50 ปี และเป็นยาแก้หวัดระดับผู้นำตลาดในอดีต แต่ไม่มีการทำตลาดมานาน อีกทั้งการบุกตลาดของดีคอลเจ้น และทิฟฟี่ ทำให้อาปาครัวร์เสียแชมป์ไปนานแล้ว แต่ด้วยคุณภาพยาที่ลูกค้าเชื่อมั่น บริษัทฯจึงตัดสินใจนำมาทำตลาดอีกครั้ง และถือเป็นแบรนด์ยาแก้หวัดตัวแรกของบริษัทฯ

โดยยังคงใช้บริษัทดีเอคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้กระจายสินค้าให้เหมือนเดิม

แบรนด์ ?อาปราคัวร์? เป็นยาแก้หวัดที่มีศักยภาพในการทำตลาด เนื่องจากเป็นยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง จึงอาจจะมีราคาสูงกว่าแบรนด์ผู้นำตลาดอย่างทิฟฟี่ อีกทั้ง ไม่มีส่วนผสมของสูตรยาที่สั่งห้ามจากกระทรวงสาธารณสุข อาทิ สารพีพีเอ หรือซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นส่วนผสมที่อันตรายและมีอยู่ในยาอีกหลายแบรนด์ที่เคยถูกระงับการจำหน่าย

ในช่วงแรกบริษัทฯจะทำการฟื้นแบรนด์อาปราคัวร์ โดยดึงคนรุ่นเก่าที่เคยรับประทานยาตัวนี้กลับมารับรู้ว่า อาปราคัวร์ยังอยู่ในตลาด ก่อนจะขยายไปสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป โดยทำกิจกรรม ณ จุดขายผ่านร้านขายยาเป็นหลัก

ส่วนช่องทางการจำหน่าย ที่ผ่านมาอาปราคัวร์มีการจำหน่ายที่ยังไม่ครอบคลุม หรือแค่เพียง 20% ของผู้นำตลาด ต่อไปนี้จึงมีแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายในร้านขายยาทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายในช่วง 2 ปีแรก จะขยายช่องทางการจำหน่ายให้เติบโตเป็น 30-40% เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง โดยจะใช้ศักยภาพของร้านขายยาที่บริษัทฯทำตลาดอยู่กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศเป็นการเริ่มบุกตลาด

ปัจจุบัน ร้านขายยาในประเทศไทย มีประมาณ 8,000-10,000 แห่ง แต่มีร้านที่มีคุณภาพมาตรฐานและมีศักยภาพในการสร้างแบรนด์ยาใหม่ๆ ประมาณ 3,000 แห่ง ขณะที่เอไซมีเครือข่ายร้านขายยาที่ทำตลาดร่วมกันมานานประมาณ 1,000 ราย

?บริษัทจะใช้เวลาในการฟื้นแบรนด์อาปราคัวร์ในช่วงแรก เป็นเวลา 3 ปี โดย 2 ปีแรก บริษัทฯจะใช้งบการตลาด 70% จากที่วางไว้ และอีก 30% ในช่วงปีที่ 3 โดยมุ่งสร้างส่วนแบ่งตลาดจากช่องทางการจำหน่ายให้ได้ตามที่ตั้งไว้ หรือ 30-40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่องทางทั้งหมดที่คู่แข่งทำตลาด?

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตลาดร้านขายยาในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของประชาชนในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีผู้บริโภคเป็นจำนวนมากหันมาซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากโรงพยาบาลรัฐมีการควบคุมค่่ารักษาพยาบาลและงดจ่ายยาบางตัวที่มีราคาสูง ดังนั้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง- บน จึงเลือกที่จะซื้อยารับประทานเองมากกว่า

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดยาแก้หวัดในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มจากการทำตลาดในเวียดนามและพม่า โดยจะเริ่มในเวียดนามไว้ภายในปลายปีหน้า จากจำนวนร้านขายยาประมาณ 200 แห่ง ซึ่งแต่ละประเทศมีแบรนด์จากเมืองไทยเข้าไปทำตลาดและมีความแข็งแกร่งมาก จึงวางแผนใช้รูปแบบการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักก่อนในเบื้องต้น

นายทวีศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยเป็นรายได้จากต่างประเทศ 300-400 ล้านบาท ทั้งในส่วนของตลาดเพื่อนบ้าน และการส่งออกยาไปยังมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่ตลาดยาในปีนี้คาดว่าโดยรวมจะเติบโตไม่เกิน 1% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากการควบคุมราคายาทางโรงพยาบาลรัฐ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2555 ตลาดยาที่จ่ายผ่านโรงพยาบาลยังมีอัตราที่ติดลบ 7-8% ขณะที่ตลาดร้านขายยาเติบโตต่อเนื่องที่ 20%
 แบรนด์ ?อาปราคัวร์? ยาแก้หวัดที่กำลังจะกลับมาทำการตลาดอีกครั้ง
 เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount