
ที่มาของภาพ : www.freepik.com
บางคนคงเคยประสบกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอ บ่า ไหล่ จนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าอาการปวดเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะว่าโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุอย่างเดียว แต่ยังเกิดกับคนวัยทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานกว่า 8-12 ชั่วโมงต่อวัน หรือมีพฤติกรรมการนั่งผิดท่า ทั้งหมดจะส่งผลให้หมอนรองกระดูกต้องรับน้ำหนักมากเกินไปและเกิดความเสื่อมได้ในที่สุด หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาการปวดอาจทวีความรุนแรงขึ้นจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจนำไปสู่ปัญหาที่มากขึ้นได้
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม ภาพรวมแล้วคืออะไร?

ที่มาของภาพ www.freepik.com
หมอนรองกระดูกเสื่อมคือภาวะความเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งเป็นแผ่นเนื้อเยื่อคล้ายเจลนุ่ม ๆ ที่คอยทำหน้าที่เป็นเบาะรองรับแรงกระแทกและกระจายน้ำหนักที่ส่งผ่านไปยังกระดูกสันหลังของเราในทุกการเคลื่อนไหว หมอนรองกระดูกเหล่านี้จะอยู่แทรกอยู่ระหว่างข้อกระดูกสันหลังแต่ละข้อตั้งแต่ช่วงคอไปจนถึงเอว ช่วยให้กระดูกสันหลังยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นหมอนรองกระดูกเสื่อมไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุแต่มักเกิดจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มขึ้นตามวัย พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน การยกของหนักผิดท่า การมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือแม้แต่การได้รับบาดเจ็บโดยตรงบริเวณกระดูกสันหลัง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นตัวเร่งให้หมอนรองกระดูกต้องทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
สาเหตุของหมอนรองกระดูกเสื่อมมีอะไรบ้าง
อาการปวดหลังหรือปวดคอที่เรามักมองข้ามไป อาจเป็นผลมาจากภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมที่มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมได้หรือไม่ก็ตาม การเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงและดูแลสุขภาพกระดูกสันหลังของเราได้ดียิ่งขึ้น
- อายุที่มากขึ้น : เมื่อมีอายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะเริ่มเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ ความยืดหยุ่นลดลง และเนื้อเยื่อสูญเสียน้ำ
- น้ำหนักตัว : การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง จะเพิ่มแรงกดดันต่อกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก ทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- พฤติกรรม : การนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนท่า ทำให้หมอนรองกระดูกต้องรับแรงกดทับอย่างต่อเนื่องเป็นอีกสาเหตุของโรคหมอนรองกระดูก
หมอนรองกระดูกเสื่อมมีการรักษาแบบไหนบ้าง
เมื่ออาการของหมอนรองกระดูกเสื่อมเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้ารับการรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ การรักษามีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ ตำแหน่งที่เกิดโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ววิธีการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแนวทางหลัก คือการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาแบบไม่ผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง หรือยังไม่มีการกดทับของเส้นประสาท แพทย์จะเน้นไปที่การประคับประคองอาการและบรรเทาความเจ็บปวด ในกรณีที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการรุนแรงมากขึ้น มีการกดทับของเส้นประสาทอย่างชัดเจน หรือการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแทน
หลังการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม ต้องดูแลตัวเองยังไง?
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมด้วยวิธีไม่ผ่าตัดหรือการผ่าตัด สิ่งสำคัญไม่แพ้การรักษาคือการดูแลตัวเองหลังจากการรักษา เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เต็มที่ ลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ และป้องกันความเสียหายของหมอนรองกระดูกในระยะยาว
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ปรับท่านั่ง ยืน เดิน และนอนให้ถูกต้อง
- หลีกเลี่ยงการก้มตัว หรือบิดตัวทันที
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม
หมอนรองกระดูกเสื่อม เอาชนะได้ด้วยการดูแลตัวเอง
หัวใจสำคัญของการเอาชนะภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมคือการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอทั้งก่อนและหลังการรักษา เริ่มจากการเข้ารับการตรวจประเมินโรคกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับแนวทางการรักษาที่เหมาะสม จากนั้นเน้นการดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การจัดท่านั่ง ยืน เดิน ให้ถูกต้อง การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความรุนแรงของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง
