



นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า เด็กที่ป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้ ซึ่งอาจจะไข้ต่ำหรือไข้สูงก็ได้ อ่อนเพลีย มีอาการเจ็บปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ เนื่องจากมีตุ่มแดงที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม มีตุ่มน้ำใสแดงที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า นิ้วมือ ข้อศอก และอาจพบที่ก้นด้วย ผื่นมักจะไม่คันและหายเป็นปกติ ภายใน 7 – 10 วัน วิธีการรักษา แพทย์จะรักษาตามอาการ โดยปกติมักไม่รุนแรงและหายได้เอง หากไม่มีอาการแทรกซ้อน หากพบว่ามีไข้สูง ซึม ไม่ยอมทานอาหารหรือดื่มน้ำ อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ภาวะสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือน้ำท่วมปอด ซึ่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การดูแลเบื้องต้น พยายามให้เด็กจิบน้ำบ่อยๆ อย่าให้ขาดน้ำ หากทานอาหารไม่ได้เพราะมีอาการเจ็บในปากมาก สามารถให้รับประทานอาหารที่เย็น เช่น ไอศกรีม โยเกิร์ต และรับประทานน้ำตามทุกครั้ง ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นใน 3 วัน ปัจจุบันโรคมือเท้าปากสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงได้ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน แนะนำให้ฉีดวัคซีนมือเท้าปากในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี โดยฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็มประมาณ 1 เดือน นอกจากนั้นผู้ปกครองสามารถป้องกันได้โดย หมั่นให้เด็กล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ภายหลังการขับถ่าย หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าขนหนู รวมไปถึงหลีกเลี่ยงเด็กไปสถานที่ที่มีคนแออัดหรือมีโอกาสสัมผัสโรค การดูแลสุขอนามัยของเด็กอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัยจากโรคได้