กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงฤดูร้อนให้ระวังการเกิดโรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heatstroke) สำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้ง ควรเลี่ยงการสวมชุดที่มีสีเข้ม ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ เข้าพักในที่ร่มเป็นระยะ และหากสูญเสียเหงื่อมาก ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ เน้นย้ำโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด เป็นต้น อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมถึงเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ต้องระมัดระวังเช่นกัน
18 มีนาคม 2568-นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในหลายพื้นที่เริ่มมีอากาศร้อนปกคลุม ซึ่งกรมอุตุฯ คาดการณ์ว่าอุณหภูมิปีนี้จะลดลงกว่าปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ประชาชนเสี่ยงต่อการป่วย จากภาวะอากาศร้อนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก (Heatstroke) ที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายร้อนจัดจนส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย และเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ข้อมูลจาก กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รวบรวมรายงานการเสียชีวิตที่อาจจะเกี่ยวข้องกับความร้อน จากภาวะอากาศร้อนในปี พ.ศ. 2567 พบรายงานผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 63 ราย เป็นเพศชาย 54 ราย และเพศหญิง 9 ราย อายุระหว่าง 30 – 95 ปี (เฉลี่ย 62 ปี) ประกอบอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 25 มีรายงานการเสียชีวิตใน 31 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี 9 ราย ชัยภูมิ นครราชสีมา และศรีสะเกษ จังหวัดละ 4 ราย ขอนแก่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และสมุทรสงคราม จังหวัดละ 3 ราย ชลบุรี ชัยนาท ปราจีนบุรี แพร่ ลำปาง ลำพูน และสุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ นครนายก นครศรีธรรมราช น่าน ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พะเยา มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ระยอง สมุทรปราการ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี จังหวัดละ 1 ราย
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศร้อนสูงที่สุด ร้อยละ 54 นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 51 ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือด พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การดื่มสุราในภาวะอากาศร้อน และการเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานกลางแจ้ง ร้อยละ 62 หากจำแนกรายเดือน พบว่า มีรายงานการเสียชีวิตมากที่สุดในเดือนเมษายน ร้อยละ 70 ซึ่งเดือนเมษายน เป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียส (°C)” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลโรคลมร้อน หรือ ฮีทสโตรก (Heatstroke) ว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิความร้อนสูงมาก โดยเฉพาะอุณหภูมิที่มากกว่า 40 องศาเซลเซียส จนทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ มีอาการ คือ ตัวร้อน วิงเวียน ปวดมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ภาวะขาดน้ำ เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นแรง เป็นลม อาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก พูดจาสับสน หากพบผู้เริ่มมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบนำผู้ป่วยเข้าที่ร่มหรือห้องที่มีความเย็น และให้ดื่มน้ำมากๆ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยนอนราบ คลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ซอกคอ รักแร้ และศีรษะ ร่วมกับใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันไม่ให้โคนลิ้นอุดตันทางเดินหายใจ และให้รีบนำส่งโรงพยาบาล หรือโทรแจ้งสายด่วน 1669
ทั้งนี้ สามารถป้องกันฮีทสโตรกได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน เป็นต้น รวมทั้งเด็ก และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแดดจัดต่อเนื่องนานเกินไป
2. ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ หากสูญเสียเหงื่อมากควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่
3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่อากาศร้อน อับ และถ่ายเทไม่ดี
5. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงใส่เสื้อผ้าสีทึบดำ เพราะจะสะสมความร้อนได้ ควรเลือกเสื้อผ้าสีอ่อน และไม่รัดแน่นจนเกินไป
6. ห้ามทิ้งใครไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแดด โดยเฉพาะเด็กเล็ก รถที่จอดตากแดดโดยไม่เปิดเครื่องปรับอากาศอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้เร็วมากภายใน 10 – 20 นาที
7. ไม่ควรอยู่กลางแจ้งคนเดียว ควรอยู่เป็นกลุ่ม เพราะหากมีอาการผิดปกติจะได้มีคนช่วยเหลือได้ทัน
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
เตือนเข้าสู่ฤดูร้อนกลุ่มเสี่ยงและคนทำงานกลางแจ้งระวังโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรก
อัพเดตข้อมูลข่าสารสุขภาพ สาธารณสุข SukapabDee Update Healthy News Thailand
- News
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 13 มี.ค. 2011 12:19 pm
เตือนเข้าสู่ฤดูร้อนกลุ่มเสี่ยงและคนทำงานกลางแจ้งระวังโรคลมร้อนหรือฮีทสโตรก
อัพเดตข้อมูลข่าสารสุขภาพ สาธารณสุข SukapabDee Update Healthy News Thailand
อัพเดตข้อมูลข่าสารสุขภาพ สาธารณสุข SukapabDee Update Healthy News Thailand
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ คว้าตำแหน่งระดับโลก "โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก 2025" (214 views)
- อย. รณรงค์วันยุงโลก แนะประชาชนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหนังไล่ยุงอย่างถูกต้อง และอ่านฉลากก่อนใช้ (33 views)
- เตือนประชาชนเลือกบริโภคเห็ดอย่างปลอดภัย พร้อมเผยสรรพคุณทางยา และข้อมูลตำรับยาแผนไทยที่มีการใช้เห็ด (39 views)
- เผยสถิติร้านจำหน่ายกัญชาทั่วประเทศ หลายแห่งยังทำผิดเงื่อนไข พร้อมคุมเข้มตรวจพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑล (170 views)
- กรมควบคุมโรค เตือนปีนี้พบผู้เสียชีวิตโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว 7 ราย โรคนี้อันตรายถึงชีวิต ย้ำอย่าละเลยการฉีดวัคซีน (411 views)
- กรมควบคุมโรค เตือนปีนี้โรคไข้หวัดนกระบาด พบผู้เสียชีวิตที่กัมพูชาแล้ว 6 ราย (70 views)
- Stop Drugs, Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด (164 views)
- กรมการแพทย์แผนไทยฯ แนะนำ คลินิกบำบัดยาเสพติด ด้วยศาสตร์องค์รวม เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (86 views)