ตลาด “ขมิ้นชัน” โลก พุ่ง
กรมการแพทย์แผนไทยฯ หนุนต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ความงามส่งออกนอก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
กรมการแพทย์แผนไทยฯ หนุนต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ความงามส่งออกนอก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า “ขมิ้นชัน” นอกจากนำมาช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อแล้ว ยังมีศักยภาพในด้านความงามและผิวพรรณ เนื่องจากมีสารเคอร์คิวมินอยด์ (Curcuminoids) โดยเฉพาะ สารเคอร์คิวมิน(Curcumin) ช่วยลดการอักเสบของผิว บรรเทาอาการระคายเคือง ลดเลือนจุดด่างดำ ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดสิว จึงสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ด้านความงามและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี
นพ.สมฤกษ์ กล่าวต่อว่า ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่นิยมแพร่หลายในตลาดโลก โดยในปี 2567 มีมูลค่าถึง 7,977.82 ล้านบาท โดยประเทศไทยมีส่วนแบ่งตลาด 5.6% ด้วยมูลค่าตลาด 450.24 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง ปี 2570 ที่มูลค่าตลาดทั่วโลกจะทะลุ 10,958.15 ล้านบาท ในขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 550 ล้านบาท หรือ เติบโตเฉลี่ยปีละ 11.4% ซึ่งที่ผ่านมา กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ประกาศให้ ขมิ้นชัน เป็น 1 ใน 15 สมุนไพร Herbal Champions ที่มีความพร้อมเพื่อการพัฒนาต่อยอดทางเศรษฐกิจของประเทศ วางเป้าหมายออกสู่ตลาดโลก สะท้อนให้เห็น ถึงโอกาสที่ไทยจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านสมุนไพรที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล
ด้าน ดร.ภญ.มณฑกา ธีรชัยกุล ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสมุนไพร กล่าวว่า “ขมิ้นชัน” เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ ทั้งต่อสุขภาพภายในและภายนอก ถือเป็นตัวเลือกที่สำคัญในการดูแลผิวพรรณจากธรรมชาติ เห็นได้จากเครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำบางแบรนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีขมิ้นชันเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ข้อมูลทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องสำอางที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ ขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน 5,954 ผลิตภัณฑ์ หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 2.06 ของเครื่องสำอางที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด แสดงถึงช่องว่างและโอกาสที่ขมิ้นชันจะสามารถเติบโตได้อีกมาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงได้ผลักดันส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ให้พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ดูแลความงามจากขมิ้นชัน ให้มีประสิทธิภาพ ดูดซึมได้ดี อยู่ในรูปแบบที่สะดวกและน่าใช้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการผลักดันให้มีการผลิตขมิ้นชันในรูปแบบของสารสกัดเพื่อเพิ่มมูลค่าและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยพร้อมสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ต่อไป