
นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในยุคโซเชียลมีเดีย เมื่อมีข่าวที่กระทบความรู้สึกรุนแรง เช่น กรณีเด็กป่วยหนัก สมองของเราจะจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์นั้นได้ง่ายกว่าข่าวทั่วไป เพราะเป็นธรรมชาติของสมองที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องที่สะเทือนใจ เมื่อข่าวถูกแชร์ต่อกันอย่างกว้างขวาง อาจทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นบ่อยกว่าความเป็นจริง นักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Retrievablility bias หรือความโน้มเอียงที่เกิดจากเรื่องนึกออกง่าย จนบางครั้งสิ่งที่เราเผชิญอาจไม่ใช่การระบาดของโรค (Epidemic) แต่เป็นการระบาดของข้อมูลข่าวสารมากกว่า โดยทั่วไปเชื้อกลุ่มนี้ไม่ได้ติดต่อผ่านการหายใจ รับเชื้อจากในอากาศเข้าไปโดยตรง แต่มักติดต่อจากการสัมผัสผ่านละอองฝอย หรือการสัมผัสเชื้อจากพื้นผิวแล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า การป้องกันทำได้โดย หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ใส่หน้ากากอนามัยในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป และล้างมือบ่อยๆ แม้ว่าโรคนี้จะพบไม่บ่อยแต่ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการ โดยเฉพาะเมื่อเด็กไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เช่น ไม่เล่น ไม่รับประทานอาหาร ไม่สามารถนอนหลับพักได้ หรือมีอาการกระสับกระส่าย หรือผวากระตุกบ่อยผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ แต่หากเป็นอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก และเมื่อไข้ลงสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ผู้ปกครองพิจารณาการให้วัคซีนเสริมป้องกันป้องกันการติดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงต่อสายพันธุ์ที่รุนแรงได้
ทั้งนี้ ทางสถาบันสุขภาพเด็กฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้การดูแลรักษาอย่างเต็มความสามารถและจะมีการสื่อสารข้อมูลและคำแนะนำที่จำเป็นแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง