
นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การได้เลี้ยงลูกง่ายก็อาจบอกว่าโชคดีมีบุญที่ทำมา แต่ปางก่อน แต่จริงๆแล้วถ้าเข้าใจพัฒนาการเด็กก็อาจจะเลี้ยงได้แบบสนุกและทำตามอย่างที่ต้องการได้ไม่ยากเลยเด็กแต่ละวัยมีความเข้าใจและความต้องการแตกต่างกัน วัยที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของเด็ก และมักประสบปัญหาเรื่องพฤติกรรมบ่อยๆ คือช่วงปฐมวัย หรืออายุก่อน 6 ปี โดยเฉพาะช่วง 2-3 ขวบ เด็กจะมีอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและยึดเอาตัวเองเป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าไม่ หรืออย่า จะทำทันที หรือแอบทำให้ได้ แต่ถ้าบอกให้ทำจะไม่ยอมทำเด็ดขาด ฉะนั้น คำเหล่านี้จะเป็นคำต้องห้าม ที่จะพูดกับเด็กเวลาอยากจะให้เข้าทำอะไรหรือห้ามทำอะไร


1.)พ่อแม่และทุกคนในครอบครัวต้องคิดไว้เสมอว่าสิ่งที่เราแสดงออกนั้นเด็กๆจะมองเห็นและเรียนรู้ที่จะทำตามตลอดเวลา อย่าคิดว่าเขาเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องเด็ดขาด
2.)ควรมีความสม่ำเสมอในกิจวัตรประจำวัน เช่น กินป็นเวลา นอนเป็นเวลา ระยะเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการดูหน้าจอต่างๆไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน การจะทำกิจวัตรเหล่านี้ให้ได้เป็นเวลาส่ำเสมอต้องอาศัยความแน่วแน่และความเข้มแข็งทางใจของพ่อแม่ ไม่ใช่เจอลูกอ้อน ร้องไห้หรือลูกดื้อหน่อยก็ยอมลูก แต่ก็ไม่ควรใช้อารมณ์กับลูก
3.)ปรับพฤติกรรมเด็กด้วยกันเป็นทีมเวิร์คโดยทุกคนในบ้านต้องร่วมมือกันมีความเห็นตกลงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่พ่อห้ามทำพฤติกรรมแบบนี้แต่ปู่กับย่าบอกไม่เป็นไร เด็กจะสับสนและคิดว่าเราทำอะไรก็ได้มีคนเข้าข้างแน่นอน เขาจะไม่เรียนรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ท้ายนี้พ่อแม่ไม่ต้องเครียด ทำอารมณ์ให้สดชื่นเสมอ มองโลกในแง่ดีคิดเสียว่าลูกดื้อ หมายความว่าลูกเราเก่งพอที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ก้าวไปสู่วัยที่โตขึ้นไปอีกก้าว