Skip ไปที่เนื้อหา

สมองของเด็กยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร? สิ่งที่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ

Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
  • ภาพประจำตัว
  • MommyCare
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 26 ม.ค. 2022 2:48 pm

สมองของเด็กยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร? สิ่งที่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ

 โพสต์ MommyCare    865

สมองของเด็กจะพัฒนาอย่างไรขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและข้อมูลที่เด็กรับเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มองเห็นสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่สัมผัส ทักษะไหนที่ใช้ซ้ำ ๆ วงจรประสาทที่ถูกกระตุ้นบ่อยๆ ก็จะแข็งแรงขึ้น ทำงานรวดเร็วขึ้น ทำถูกต้องมากขึ้น ทักษะใดที่ไม่ค่อยได้ใช้วงจรประสาทนั้นก็จะค่อยๆ อ่อนแอลงจนหายไปในที่สุด เมื่อเด็กยุคดิจิทัลถูกหล่อหลอมและเติบโตขึ้นมาในสิ่งแวดล้อมแบบดิจิทัล วิธีการรับรู้วิธีการเรียนรู้วิธีการคิดของเด็กยุคดิจิทัลย่อมแตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน ดังนั้นพ่อแม่และครูควรเข้าใจเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทัน

สมองของเด็กยุคดิจิทัลแม้จะมีข้อดีคือ เปลี่ยนความคิดจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง (shift) ได้ไวกว่าคนยุคก่อนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน เช่น ขณะที่ทำสิ่งหนึ่งอยู่สามารถเปลี่ยนสลับไปทำอีกสิ่งหนึ่งแล้วกลับมาทำสิ่งเดิมต่อไปได้ สามารถทำ งานหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ดีกว่าคนรุ่นก่อน แต่นั่นหมายความว่าเด็กจะต้องได้รับการฝึกให้มีสมาธิจดจ่อกับงานจนเสร็จได้เป็นอย่างดีก่อนที่จะรู้จักกับสื่อดิจิทัล คือต้องเริ่มฝึกฝนกันตั้งแต่วัยเด็กและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจนเด็กทำได้ดีแล้วจึงค่อยเปิดโอกาสให้เด็กใช้สื่อดิจิทัลในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ตั้งใจจดจ่อกับงานได้จนเสร็จ การรู้จักคุ้นเคยกับสื่อยุคดิจิทัลเร็วเกินไป หมกมุ่นอยู่กับสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลมากเกินไปกลับจะเป็นผลเสีย คือทำให้เด็กกลายเป็นคนวอกแวกง่าย สมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับงานอย่างต่อเนื่องจนเสร็จ ข้อมูลที่ผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กยังไม่ทันได้ตั้งคำถาม ยังไม่ทันได้เรียบเรียงความคิด ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจ เรื่องใหม่ก็เข้ามาแทนที่เสียแล้ว ทำให้เด็กได้ข้อมูลแต่เพียงผิวเผิน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข้อมูลที่ไม่มีใครช่วยคัดกรองก่อนที่จะส่งมาถึงเด็ก ทำ ให้เด็กอาจได้รับข้อมูลที่ไม่เหมาะสมกับวัยได้ ปัญหาสำ คัญอีกอย่างของการใช้สื่อเทคโนโลยีและอุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไปตั้งแต่วัยเด็กก็คือการที่เด็กติดโซเชียลมีเดีย ติดเกมจนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาวต่อการพัฒนาสมอง เด็กที่ติดโซเชียลมีเดีย ติดเกมสาเหตุหนึ่งมาจากการที่สมองขาดสารโดปามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำ ให้เกิดความรู้สึกมีความสุขความพึงพอใจ เด็กจึงต้องหาวิธีเพิ่มความพึงพอใจความสุขด้วยการเล่นเกมหรือการใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มโดปามีนในสมองจนกลายเป็นเสพติดในที่สุด ถ้าไม่ได้ทำ จะรู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนั้นเด็กที่เล่นวิดีโอเกมหรือดูฉากการต่อสู้ที่รุนแรงบ่อยๆจนชิน สมองส่วนที่เรียกว่า ?อมิกดาลา?(amygdala) ซี่งเป็นสมองส่วนที่ถูกกระตุ้นเมื่อเรารู้สึกกลัวจะทำงานน้อยลง ทำให้เด็กไม่รู้สึกกลัวในเหตุการณ์ที่คนทั่วไปรู้สึกว่าน่ากลัวเพราะเคยชินกับเหตุการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรง ในอนาคตเด็กสามารถทำสิ่งรุนแรงโดยไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งน่ากลัว หรือเป็นอันตราย

การหมกมุ่นอยู่กับสื่ออุปกรณ์ดิจิทัลมากเกินไปตั้งแต่วัยเด็กเล็กทำ ให้เด็กขาดโอกาสในการเล่นอิสระตามลำ พังหรือเล่นกับเพื่อนๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อการพัฒนาด้านอารมณ์สังคมแต่ยังส่งผลต่อการพัฒนาสมอง ทำให้เด็กวอกแวกง่าย ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ไม่ดี หงุดหงิดง่ายใจร้อน รอคอยไม่เป็น สมาธิสั้น เมื่อต้องทำงานที่ยากมีหลายขั้นตอนหรืองานที่ต้องใช้ความมานะพยายามก็มักจะท้อแท้ง่าย วัยเด็กเล็กเป็นวัยที่ควรได้เล่นอย่างอิสระโดยมีผู้ใหญ่คอยสนับสนุนให้เด็กได้สำรวจโลกและฝึกการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างการเล่นอิสระจะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก ทดลองค้นคว้าหาคำตอบด้วยตัวเองจนเข้าใจและหายสงสัย เด็กเหล่านี้จะมีความสุขจากการเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเองจากภายในโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล เพราะเขารู้วิธีการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในตัวเขาเองจากการเล่นเรียนรู้ลงมือทำ ด้วยตัวเอง การเล่นอิสระเป็นการส่งเสริมให้เด็กฝึกคิดด้วยสมองส่วนหน้าช่วยให้เด็กมีทักษะด้านการบริการจัดการชีวิตที่ดี


สนับสนุนโดย ของเล่นไม้เสริมพัฒนาการ by Wooden Kid Thailand
 สมองของเด็กยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร? สิ่งที่พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ
 Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount