การติดพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี
ความสำคัญของพยาธิใบไม้ตับและปัญหามะเร็งท่อน้ำดีในประเทศไทย
พยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchis viverrini) เป็นพยาธิใบไม้ชนิดหนึ่งที่ตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีของคน สุนัขและแมว พยาธิชนิดนี้มีความสำคัญทางสาธารณสุขมากกว่าพยาธิอื่นๆ ที่พบระบาดในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพยาธิชนิดเดียวในประเทศไทยที่องค์การอนามัยโลกยอมรับและจัดให้เป็นเชื้อก่อมะเร็ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น เป็นแหล่งที่มีอุบัติการณ์ของมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุดในประเทศไทยและในโลก คือ 88 ต่อแสนในชาย และ 36 ต่อแสนในหญิง มะเร็งดังกล่าวพบได้น้อยในประเทศตะวันตก (ประมาณ 0.2 ต่อแสนในสหรัฐอเมริกา) แต่พบมากในประเทศที่เป็นแหล่งติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนลาว และตอนใต้ของสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นต้น เนื่องจากอาการแสดงของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีในระยะแรกไม่ชัดเจน ผู้ป่วยจึงมักมารับการรักษาจากแพทย์เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะท้ายของโรคหรือเมื่อมะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้ว ทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีนัก ผู้ป่วยมักเสียชีวิตภายใน 1-2 ปีหลังการวินิจฉัย อัตราการมีชีวิต 5 ปีหลังรับการรักษาค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 20 %) ปัจจุบันยังไม่มีวิธีวินิจฉัยที่จำเพาะกับมะเร็งท่อน้ำดีในระยะต้น ไม่มีการบำบัดรักษามาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูง
ศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์วิจัยเฉพาะทางที่มุ่งเน้นการศึกษาวิจัยเพื่อลดปัญหาการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในภาคอีสาน พัฒนาแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
การติดพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
- สุขภาพดี
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am
- สุขภาพดี
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 18 มี.ค. 2011 9:10 am
Re: การติดพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำด
การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดี
คนได้รับพยาธิใบไม้ตับจากการกินปลาดิบที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อ (metacercaria) ของพยาธิ ตัวอ่อนจะเคลื่อนจากลำไส้เข้าสู่ท่อน้ำดี พัฒนาเป็นตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีและออกไข่ปนออกมากับอุจจาระลงสู่แหล่งน้ำ ตัวอ่อนจะไชออกจากไข่เข้าสู่หอยและพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะแรก (cercaria) ซึ่งจะไชเข้าปลาเพื่อพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อเข้าสู่คน
ผลงานวิจัยจากศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัย ขอนแก่นแสดงว่า ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิใบไม้ตับที่พบในบุคคลนั้นและความถี่หรือจำนวนครั้งที่ได้รับพยาธิใบไม้ตับซ้ำๆ ส่วนจำนวนพยาธิใบไม้ตับตัวอ่อน ที่พบในปลาหลายชนิดจากหลายแหล่งน้ำมีพยาธิเพียง 1-2 ซิสต์ (cyst) ต่อปลา 1 ตัว ดังนั้นการที่ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีส่วนใหญ่มีพยาธิจำนวนมากแสดงว่าผู้ป่วยเหล่านี้ต้องกินปลาดิบจำนวนมากหรือมีพฤติกรรมกินปลาดิบบ่อยครั้ง ซึ่งหมายถึงมีการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากนั่นเอง นอกจากนั้นได้มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า หนูที่มีภูมิคุ้มกันต่อพยาธิใบไม้ตับ (ซึ่งหมายถึงหนูที่มีการติดเชื้อพยาธิมาก่อน) เมื่อได้รับพยาธิและสารก่อมะเร็งจะเกิดมะเร็งท่อน้ำดีรวดเร็วกว่าหนูที่ไม่เคยได้รับพยาธิมาก่อน และมีการทำลายในระดับดีเอ็นเอของเซลล์เยื่อบุท่อน้ำดีของสัตว์ทดลองทุกครั้งที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและการทำลายดีเอ็นเอนี้เกิดเร็วขึ้นตามจำนวนครั้งของการติดเชื้อพยาธิ
จากผลงานวิจัยต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจะสูงขึ้นตามจำนวนครั้งของการได้รับพยาธิ ดังนั้นผู้ที่เคยติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและได้รับการถ่ายพยาธิแล้วจึงไม่ควรเสี่ยงที่จะรับประทานปลาดิบซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับพยาธิซ้ำอีก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี
ที่มา : ศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คนได้รับพยาธิใบไม้ตับจากการกินปลาดิบที่มีตัวอ่อนระยะติดต่อ (metacercaria) ของพยาธิ ตัวอ่อนจะเคลื่อนจากลำไส้เข้าสู่ท่อน้ำดี พัฒนาเป็นตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในท่อน้ำดีและออกไข่ปนออกมากับอุจจาระลงสู่แหล่งน้ำ ตัวอ่อนจะไชออกจากไข่เข้าสู่หอยและพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะแรก (cercaria) ซึ่งจะไชเข้าปลาเพื่อพัฒนาเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อเข้าสู่คน
ผลงานวิจัยจากศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัย ขอนแก่นแสดงว่า ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิใบไม้ตับที่พบในบุคคลนั้นและความถี่หรือจำนวนครั้งที่ได้รับพยาธิใบไม้ตับซ้ำๆ ส่วนจำนวนพยาธิใบไม้ตับตัวอ่อน ที่พบในปลาหลายชนิดจากหลายแหล่งน้ำมีพยาธิเพียง 1-2 ซิสต์ (cyst) ต่อปลา 1 ตัว ดังนั้นการที่ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีส่วนใหญ่มีพยาธิจำนวนมากแสดงว่าผู้ป่วยเหล่านี้ต้องกินปลาดิบจำนวนมากหรือมีพฤติกรรมกินปลาดิบบ่อยครั้ง ซึ่งหมายถึงมีการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากนั่นเอง นอกจากนั้นได้มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า หนูที่มีภูมิคุ้มกันต่อพยาธิใบไม้ตับ (ซึ่งหมายถึงหนูที่มีการติดเชื้อพยาธิมาก่อน) เมื่อได้รับพยาธิและสารก่อมะเร็งจะเกิดมะเร็งท่อน้ำดีรวดเร็วกว่าหนูที่ไม่เคยได้รับพยาธิมาก่อน และมีการทำลายในระดับดีเอ็นเอของเซลล์เยื่อบุท่อน้ำดีของสัตว์ทดลองทุกครั้งที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและการทำลายดีเอ็นเอนี้เกิดเร็วขึ้นตามจำนวนครั้งของการติดเชื้อพยาธิ
จากผลงานวิจัยต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจะสูงขึ้นตามจำนวนครั้งของการได้รับพยาธิ ดังนั้นผู้ที่เคยติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับและได้รับการถ่ายพยาธิแล้วจึงไม่ควรเสี่ยงที่จะรับประทานปลาดิบซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับพยาธิซ้ำอีก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี
ที่มา : ศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การติดพยาธิใบไม้ตับแบบซ้ำซากเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
เว็บบอร์ดสุขภาพ ข่าวสารความรู้สุขภาพ กระทู้สุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ
- "ต่อมน้ำลายอักเสบ" อันตรายกว่าที่คิด !!! (4 views)
- แพทย์เตือน “กระดาษเมา สติกเกอร์เมา” ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง อันตรายถึงชีวิต (43 views)
- หน้าฝนต้องระวัง โรคไข้ปวดข้อยุงลาย (ชิคุนกุนยา) โรคร้ายที่ยุงลายเป็นพาหะ (180 views)
- โรคตายอดฮิตที่พบบ่อยในผู้สูงวัย รู้ทัน ป้องกันได้ (67 views)
- RSV (Respiratory Syncytial Virus) ไวรัสตัวร้าย อันตรายต่อเด็ก (46 views)
- ผ่าตัดเข่าเสื่อมใส่ข้อเข่าเทียม เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จริงไหม? (88 views)
- สถาบันประสาทวิทยาเผยความก้าวหน้าการผ่าตัด บายพาสหลอดเลือดสมอง รักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบชนิดโรคโมยาโมย่า (150 views)
- ภาวะม่านตาอักเสบ ส่อสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม (74 views)