แนะพ่อแม่สังเกตอาการเด็ก หลังพบโรคปอดบวมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ในเด็ก

สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แนะพ่อแม่สังเกตอาการป่วยของเด็ก หลังพบโรคปอดบวมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ในเด็ก
ทั้งนี้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ เปิดเผยในงาน "เติมรัก สร้างภูมิ เสริมวัคซีน เนื่องในวันแม่แห่งชาติ"ว่า โรคหูชั้นกลางอักเสบเป็นโรคแทรกซ้อนในเด็กที่พ่อแม่มักมองข้าม ซึ่งมักพบในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ขวบ มากถึงร้อยละ 80 แม้จะเป็นโรคที่มีความรุนแรงไม่มาก แต่หากพ่อแม่ละเลยโดยคิดว่าอาการเจ็บหูและคันหูเป็นเพียงอาการข้างเคียงของโรคไข้หวัด อาจจะทำให้เกิดอาการติดเชื้อและอักเสบ ทำให้แก้วหูบวมแดง มีน้ำและหนองคั่งในเยื่อแก้วหู ทำให้เยื่อแก้วหูขาดในที่สุด ที่สำคัญเชื้ออาจแพร่กระจายไปยังฐานสมอง ทำให้เป็นโรคเยื่อสมองอักเสบและฝีในสมองได้ หากเชื้อแพร่กระจายสู่ปอดจะทำลายเนื้อปอด จนอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวฉับพลัน และหากเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้เป็นโรคติดเชื้อในกระแสเลือดได้
หากเด็กเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบ จะมีอาการงอแง เพราะปวดหู คันหู หูอื้อ ในเด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้อาจจับหูบ่อยๆ โดยบางรายอาจมีอาการอักเสบ มีน้ำและหนองไหลออกจากรูหูร่วมด้วย รวมถึงมีไข้สูงติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึมสลับกับงอแง อาจมีอาการชัก หายใจมีเสียงวี้ดๆ หรือหายใจถี่และแรง ซึ่งต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ โรคที่ควรให้ความสำคัญคือ โรคปอดบวม ชนิดอาร์เอสวี เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุ 1-2 เดือน ซึ่งจะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัด หอบหืด มีไข้ และไอมาก พ่อแม่จึงต้องหมั่นสังเกตอาการของเด็ก เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยังไม่มียารักษา แต่แพทย์จะรักษาตามอาการ เพราะหากใช้ยาฆ่าเชื้ออาจมีปัญหาเชื้อดื้อยาได้
พ่อแม่ควรสร้างภูมิคุ้มกันเบื้องต้นให้ลูกตั้งแต่แรกคลอดด้วยการให้นมแม่ สร้างสุขอนามัยที่ดีด้วยการล้างมือ ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม และหากไม่สบายควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และรีบปรึกษากุมารแพทย์ทันที