
กรมการแพทย์ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงการทำงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และร่วมกันพิสูจน์ข้อเท็จจริงผ่านการทบทวนหลักฐานเชิงประจักษ์และงานวิจัยทางคลินิก นอกจากนี้กรมการแพทย์ได้ดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแนวทางการใช้ยาแผนไทยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ กรมการแพทย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญใน 6 กลุ่มโรค/อาการ เพื่อให้แพทย์แผนตะวันตกมีความมั่นใจในการใช้ยาสมุนไพรไทยเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการพิจารณารายการยาสมุนไพรที่สามารถทดแทนยาแผนปัจจุบัน รวมถึงหัตถการในการรักษา สำหรับจัดทำคู่มือการใช้ยาสมุนไพรในเวชปฏิบัติ ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำและพร้อมที่จะประกาศใช้คู่มือการใช้ยาสมุนไพรในเวชปฏิบัติ ประมาณเดือนมีนาคม 2568 ดังนี้ กลุ่มอาการระบบทางเดินอาหาร ประกอบด้วยยาสมุนไพร ขมิ้นชัน ขิง เพชรสังฆาต กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจ ประกอบด้วยยาสมุนไพร ปราบชมพูทวีป ฟ้าทะลายโจร ประสะมะแว้ง มะขามป้อม กลุ่มอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ประกอบด้วยยาสมุนไพร เถาวัลย์เปรียง ไพล เจลพริก ยาประคบ ขมิ้นชัน ยาสหัสธารา กลุ่มโรคมะเร็ง ประกอบด้วยยาสมุนไพร ว่านหางจระเข้ (ลดอาการแสบคันจากการฉายรังสี) กลุ่มอาการสมองและระบบประสาท ประกอบด้วยยาสมุนไพร CBD enriched CBD:THC 1:1 เจลพริก มณีเวช กลุ่มอาการทางระบบผิวหนัง ประกอบด้วยยาสมุนไพร ว่านหางจระเข้ พญายอ ขมิ้นชัน ทั้งนี้ ยังมีสมุนไพรที่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์เพียงพอ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อจะนำมาใช้ต่อไป อาทิ ยาธาตุอบเชย ยากล้วย ในการรักษากลุ่มอาการระบบทางเดินอาหาร เปลือกมังคุด ในการรักษากลุ่มอาการทางระบบผิวหนัง และหากร่างคู่มือการใช้ยาสมุนไพรในเวชปฏิบัติดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จะนำมาให้คณะกรรมการพิจารณา หากมีมติเห็นชอบ จะมีการประกาศใช้ ส่งผลให้แพทย์แผนตะวันตกสามารถสั่งจ่ายยาสมุนไพรตามข้อแนะนำในคู่มือดังกล่าวได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายปีนี้ที่รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงสาธารณสุขจะนำงบประมาณ จากสปสช.มาให้ จำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อให้สนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม