
นพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเสี่ยงที่สำคัญที่ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองวัณโรคและต่อด้วยการตรวจวัณโรคระยะแฝง คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับผู้ป่วยวัณโรคที่มีอายุมากกว่า 5 ปี หากพบติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงควรได้รับการรักษาเพื่อป้องกันการป่วยเป็นวัณโรค หากไม่พบการติดเชื้อระยะแฝงต้องเอกซเรย์ปอดทุก 6 เดือนใน 2 ปี เพื่อเฝ้าระวังการป่วยเป็นวัณโรค ส่วนสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ควรได้รับการรักษาวัณโรคระยะแฝงทันที เพื่อป้องกันความรุนแรงจากการป่วยเป็นวัณโรคที่จะเกิดกับเด็กในอนาคตต่อไป สำหรับกระบวนการตรวจหาวัณโรคระยะแฝง สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดหาการติดเชื้อ (IGRAs) หรือการทดสอบทางผิวหนังที่เรียกว่า Tuberculin Skin Test (TST) หากผลตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ แพทย์จะพิจารณาให้ยาเพื่อกำจัดเชื้อและป้องกันการพัฒนาไปสู่ระยะรุนแรง การตรวจหาวัณโรคระยะแฝงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ประชาชนควรตระหนักถึงการเข้ารับการตรวจและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเอง แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไปยังบุคคลรอบข้างและสังคมโดยรวม จึงขอเชิญชวนประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้ป่วยวัณโรค เข้ารับการตรวจคัดกรองวัณโรค และตรวจหาวัณโรคระยะแฝงได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา กรมควบคุมโรคพร้อมให้คำปรึกษา หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคและกระบวนการตรวจรักษาได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422