กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กำหนดตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติฉบับแรกของประเทศ เพื่อนำสู่การใช้ประโยชน์ในระบบสุขภาพ ปัจจุบันมีมติเห็นชอบตำรับยาแผนไทย 324 ตำรับ ครอบคลุมการรักษา 16 กลุ่มโรคอาการ เพื่อเตรียมใช้ประโยชน์โดยนำไปบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของแพทย์แผนไทย เป็นฐานข้อมูลหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิงการขึ้นทะเบียนตำรับยาไทย กับทาง อย.เพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้โรงพยาบาลนำไปใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน

ปัจจุบัน มีการคัดเลือกและกลั่นกรองตำรับยาแผนไทย จากตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติ หมอพื้นบ้าน และบัญชียาหลักแห่งชาติ มีมติเห็นชอบตำรับยาแผนไทย 16 กลุ่มโรคอาการ คือ กลุ่มโรคเด็ก 25 ตำรับ กลุ่มโรคลม 80 ตำรับ กลุ่มอายุวัฒนะ 2 ตำรับ กลุ่มโรคปาก คอ 19 ตำรับ กลุ่มริดสีดวง 15 ตำรับ กลุ่มกษัย กร่อน 28 ตำรับ กลุ่มโรคผิวหนัง แผล โรคเรื้อน 25 ตำรับ กลุ่มโรคทางเดินปัสสาวะ กามโรค 5 ตำรับ กลุ่มอาการท้องเสีย ท้องเดิน บิด ป่วง 9 ตำรับ กลุ่มโรคหอบ ไอ หืด 4 ตำรับ กลุ่มโรคสตรี 16 ตำรับ กลุ่มยาบำรุง 15 ตำรับ กลุ่มโรคฝี 18 ตำรับ กลุ่มไข้ 24 ตำรับ กลุ่มโรคท้องมาน 5 ตำรับ กลุ่มอื่นๆเช่น ยาถ่าย ยาหยอด ยาประคบ จำนวน 34 ตำรับ รวมทั้งสิ้น 324 ตำรับ เป็นการนำองค์ความรู้ในตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำไปบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของแพทย์แผนไทย เป็นฐานข้อมูลหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิง การขึ้นทะเบียนตำรับยาไทย กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อให้โรงพยาบาลนำไปใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน และจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ
ด้าน ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผอ.กองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า สำหรับ หลักเกณฑ์พิจารณา เป็นรายการตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ ประกอบด้วย
1) ตั้งสูตรตำรับ ตามองค์ความรู้การแพทย์แผนไทย
2) จำนวนชนิดตัวยาในตำรับไม่มากชนิด
3) ใช้พืชสมุนไพรเป็นหลัก
4) หากมีสัตว์วัตถุไม่ควรใช้สัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และอนุสัญญาฯ CITES และห้ามเป็นส่วนที่ได้จากการฆ่าสัตว์
5) หากมีธาตุวัตถุที่จัดเป็นยาอันตราย ไม่ควรเกินข้อกำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาอันตรายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
6) เป็นสมุนไพรที่สามารถปลูกหรือจัดทำได้ในประเทศไทยเป็นหลัก
7) มีประสบการณ์การใช้อย่างกว้างขวาง มีหลักฐานอ้างอิง แสดงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
8) สามารถนำมาใช้เพื่อการบำบัดรักษาโรค โรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุข หรือโรคทางการแพทย์แผนไทย
ทั้งนี้จะได้มีการทบทวนตำรับที่มีศักยภาพสอดคล้องกับปัญหาสาธารณสุขเพิ่มเติมเป็นระยะ