
แพทย์หญิงนิอร บุญเผื่อน นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษา โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ ควรไปพบแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้ถามอาการ ตรวจร่างกายและให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยการรักษาหลักคือ การทาสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังเป็นประจำ ควบคู่กับการรักษาผิวหนังบริเวณที่มีการอักเสบโดยใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ เป็นยาที่ช่วยลดการอักเสบ ควรทาเฉพาะบริเวณผื่นต่อเนื่องกันจนหายสนิท และเมื่อผื่นหายแล้วควรหยุดยา หรือยาทาลดการอักเสบกลุ่มที่ไม่มีสเตียรอยด์เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยปรับระบบภูมิคุ้มกันลดความไวต่อการกระตุ้น ยาทั้ง 2 ชนิด ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยโรคผื่นผิวหนัง
ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ที่ผิวหนัง และหรือเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์หากใช้ไม่ถูกต้องหรือซื้อใช้เอง ดังนั้นการดูแลไม่ให้โรคเกิดความรุนแรงมากขึ้นหรือ เกิดภาวะแทรกซ้อนนั้น ควรดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้โรคกำเริบ เช่น การอาบน้ำอุ่น การใช้สบู่ก้อน การอาบน้ำเป็นเวลานานๆ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารที่มีโอกาสทำเกิดผื่นแพ้สัมผัสหรือระคายเคือง รวมถึงควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการเกา ทายา หรือรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด สังเกตอาการและมาพบแพทย์ตามนัด
การป้องกันไม่ให้ผื่นกำเริบ คือ การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง หาสาเหตุของปัจจัยกระตุ้น หากมีปัจจัยที่สงสัย และหลีกเลี่ยงปัจจัยนั้น ไม่อยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน หรือหนาวเกินไป ในรายที่เป็นรุนแรงมากปัจจุบันมีการรักษาอีกหลายวิธี เช่น การรับประทานยากดภูมิ การฉายแสงอาทิตย์เทียม และยาฉีดในกลุ่มชีวโมเลกุล เป็นต้น สามารถเข้ามาปรึกษาและรับการรักษาได้ที่สถาบันโรคผิวหนัง