
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และมีอัตราความสำเร็จมากกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น เป็นวิธีรักษาผู้มีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย หลายคู่ที่ใช้วิธีนี้แล้วประสบความสำเร็จ มีบุตรสมความตั้งใจ ซึ่งวิธีทำ ICSI เป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดการตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้มากขึ้นเกี่ยวกับการทำอิ๊กซี่ มีขั้นตอนอย่างไร คู่รักหลายคู่ที่คิดจะทำคงต้องการทราบก่อนตัดสินใจทำ เช่นนั้นไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกันเลย
การทำอิ๊กซี่ ICSI คืออะไร

ICSI อันตรายไหม เสี่ยงอะไรบ้าง
การรักษาแบบ ICSI เป็นวิธีการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง แต่การรักษาทุกวิธีก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามกระบวนการรักษาแบบ ICSI ก็เช่นกัน อาจมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
- รอบของการรักษาถูกยกเลิกไป เนื่องจากได้ถุงไข่จำนวนน้อยเกินไป หรือ มากเกินไป จนทำให้รังไข่บวมโต มีน้ำในช่องท้องหรือช่องปอด
- ความผิดปกติของโครโมโซม
- ไข่ที่เก็บได้ไม่มีการปฏิสินธิ มีการติดเชื้อจากการเก็บไข่ หรือ ขั้นตอนการใส่ตัวอ่อน
- การตั้งครรภ์แฝด ประมาณ 15-20%การตั้งครรภ์แฝด ยิ่งแฝดหลายคน ยิ่งเสี่ยงมาก โดยเฉพาะการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งลูกก็มักจะตัวเล็ก ต้องอยู่ตู้อบเป็นเวลานาน และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา
- การแท้ง ซึ่งมีโอกาสแท้งได้สูงกว่าคนทั่วไปบ้างเล็กน้อย
ความแตกต่างระหว่างการทำ ICSI และ IVF

ปัจจุบันก็มีวิธีช่วยให้ผู้ที่มีลูกยากสามารถตั้งครรภ์ได้หลายวิธี วันนี้จะพามารู้จักการทำ ICSI และ IVF ว่าต่างกันอย่างไรมาบอก
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) โดยจะคัดไข่ 1 ใบ และอสุจิ 1 ตัว ที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดมาผสมกัน ด้วยการใช้เข็มเจาะและฉีดอสุจิเข้าไปที่เนื้อไข่โดยตรงเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิจนกลายเป็นตัวอ่อน แล้วจึงนำกลับไปในโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์แบบปกติต่อไป ซึ่งวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่ฝ่ายชายมีปริมาณตัวอสุจิน้อย หรือมีความผิดปกติในการหลั่งน้ำอสุจิได้อย่างมาก
การทำ IVF โดยจะทำการคัดไข่ที่สมบูรณ์จากฝ่ายหญิงและคัดอสุจิที่แข็งแรงของฝ่ายชายมาผสมกัน โดยจะปล่อยให้สเปิร์มเลือกเข้าไปเจาะไข่เองตามธรรมชาติ เมื่อไข่และอสุจิเกิดการปฏิสนธิที่ภายนอกแล้วจึงนำไข่ที่ผสมจนเป็นตัวอ่อนนำกลับเข้าไปฝังที่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป
การทำ IVF หรือเด็กหลอดแก้ว และการทำ ICSI หรืออิ๊กซี่ เป็นเทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธุ์ที่มีขั้นตอนใกล้เคียงกันแต่จะแตกต่างกันตรงที่อิ๊กซี่จะมีการเพิ่มขั้นตอนของการใช้เข็มฉีดอสุจิที่คัดเลือกแล้วเข้าไปในไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ส่วน IVF จะปล่อยให้อสุจิจำนวนหนึ่งเข้าเจาะไข่เองตามธรรมชาติเพื่อปฏิสนธิเอง
ขั้นตอนการทำอิ๊กซี่ ICSI

1. ปรึกษาแพทย์
เริ่มกระบวนการทำอิ๊กซี่ คู่สมรสเข้าปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยทางแพทย์จะซักประวัติเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของการมีบุตรยาก ว่ามีปัจจัยใดบ้าง ปัจจัยที่เกิดจากฝ่ายชาย เช่น น้ำอสุจิน้อยกว่าปกติ หรือปัจจัยที่เกิดจากฝ่ายหญิง เช่น มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะไข่ไม่ตก แพทย์จะแนะนำวิธีปฏิบัติ เพื่อกระบวนการทำ ICSI ให้ประสบความสำเร็จสูงสุด
2. เริ่มฉีดยากระตุ้นไข่
แพทย์จะทำการตรวจติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ โดยใช้เครื่อง อัลตราซาวด์ ร่วมกับการประเมินระดับฮอร์โมน โดยการตรวจเลือดทุก 4-5 วัน เมื่อพบว่าขนาดของถุงไข่โตเต็มที่แล้วเริ่มการกระตุ้นไข่ กระบวนการกระตุ้นรังไข่ให้ฟองไข่โตพร้อมกันหลายๆ ใบ จะเริ่มกระตุ้นรังไข่ในวันที่ 2-3 ของรอบเดือน ด้วยการฉีดยาติดต่อกันเฉลี่ยแล้วจะฉีดประมาณ 8-10 วัน เพื่อกระตุ้นให้ไข่โตหลาย ๆ ใบ ซึ่งมากกว่าจำนวนไข่ที่ตกในแต่ละรอบเดือนตามธรรมชาติ โดยปกติจะต้องการไข่จำนวน 8-15 ใบ
3. เก็บไข่/อสุจิ
แบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ
1. กระบวนการเก็บไข่ หลังจากฟองไข่โตสมบูรณ์ แพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่ภายใน 34-36 ชั่วโมง ผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์บอกตำแหน่ง และวางยาสลบเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ ใช้เข็มเจาะไข่ออกมาจากรังไข่ ขั้นตอนนี้ต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เมื่อได้เซลล์ไข่จะนำมาทำความสะอาดในน้ำยาสำหรับเพาะเลี้ยง และเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการ เพื่อนำไปปฏิสนธิกับอสุจิ
2. เก็บอสุจิของฝ่ายชาย โดยหลั่งอสุจิภายในภาชนะที่จัดไว้ จากนั้นนำน้ำเชื้อเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อสู่กระบวนการคัดกรองอสุจิ โดยเลือกตัวที่สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด 1 ตัว แล้วนำมาปฏิสนธิกับไข่ในห้องปฏิบัติการ โดยใช้เครื่องมือและกล้องที่มีความละเอียดมากภายในห้องปฏิบัติการ หากฝ่ายชายเคยทำหมัน หรือตรวจไม่พบตัวอสุจิ จำเป็นต้องเจาะดูดจาดอัณฑะโดยตรง
4. เลี้ยงตัวอ่อน
เลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการ หรือ การเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกร่างกาย (BLASTOCYST CULTURE) โดยทั่วไปจะทำการเลี้ยงเป็นระยะเวลา 3-5 วัน ในห้องปฏิบัติการที่ควบคุมปัจจัยที่เหมาะสมกับตัวอ่อน ที่ปลอดเชื้อโดยการควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง ความชื้นและแรงดัน ในปริมาณที่เหมาะสม เลี้ยงในน้ำยาพิเศษที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ซึ่งกระบวนการเลี้ยงตัวอ่อนนี้จะเป็นกระบวนการเลียนแบบให้ใกล้เคียงกับสภาวะภายในร่างกายมากที่สุด
5. ย้ายตัวอ่อน
เมื่อตัวอ่อนอยู่ในระยะบลาสโตซิสท์ (Blastocyst) คือ ระยะเวลา 5 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ตัวอ่อนมีความแข็งแรงแล้ว แพทย์จะทำการใช้หลอดพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านทางช่องคลอดปากมดลูกและเข้าไปในโพรงมดลูก แล้ววางตัวอ่อนลงไปภายใต้การอัลตราซาวด์ดูตำแหน่งที่เหมาะสม จึงใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์ ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น
6. ตรวจการตั้งครรภ์
ตรวจการตั้งครรภ์ หลังจากผ่านกระบวนการใส่ตัวอ่อนไปแล้ว 9-11 วัน แพทย์จะนัดเจาะเลือดตรวจหาระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ๆ เพื่อดูว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจปัสสาวะเพื่อการตั้งครรภ์เอง เนื่องจากอาจมีความผิดพลาดได้
การทำอิ๊กซี่ เหมาะสำหรับใคร
การทำ ICSI เป็นการแก้ปัญหาสำหรับคู่รักที่ต้องการมีบุตร แต่ไม่สามารถมีบุตรได้ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ดังนั้น เราจึงขอสรุปกลุ่มคนที่เหมาะสำหรับการทำ ICSI มาฝากกัน
การทำ ICSI เหมาะกับปัญหากรณีใด
การทำ ICSI เหมาะกับปัญหากรณีใด มาดูกันเลยว่าคู่สมรสที่มีปัญหาแบบไหนเหมาะกับการทำ ICSI ได้แก่
- คู่สมรสที่แต่งงานหลายปีแต่ยังไม่มีบุตรด้วยวิธีทางธรรมชาติ
- ฝ่ายชายมีปัญหาปริมาณอสุจิค่อนข้างน้อย อสุจิไม่สมบูรณ์ และอ่อนแอมาก ๆ
- ฝ่ายชายเป็นหมัน หรือทำหมันแล้วแต่อยากมีลูกอีก แต่ยังคงสามารถนำอสุจิออกมาได้โดยการผ่าตัด
- ฝ่ายหญิงที่มีเปลือกไข่หนา อสุจิไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่เพื่อเข้าไปปฏิสนธิได้ ซึ่งจะใช้ในกรณีที่การทำเด็กหลอดแก้วธรรมดาแล้วไม่ได้ผล
- คู่สมรสที่มีปัญหาโรคทางพันธุกรรมที่ต้องได้รับการตรวจโครโมโซมตัวอ่อน
- คู่สมรสที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านต่าง ๆ ทางร่างกาย เช่น ฝ่ายชายมีภาวะน้ำอสุจิน้อย ภาวะจากฝ่ายหญิงเช่น การตกไข่ผิดปกติ มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน หรือมีภาวะการเป็นช็อกโกแลตซีสต์ หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง
- ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 35 ปี
- คู่สมรสที่ลองวิธีการอื่น ๆ แล้วแต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จในเรื่องของการมีบุตร
- ผู้ที่มีปัญหามีบุตรยาก โดยไม่ทราบสาเหตุ
ข้อดี - ข้อจำกัดของการทำ ICSI
เทคโนโลยีในการรักษาคู่สมรสที่มีบุตรยาก ด้วยการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ถือเป็นวิธีที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากเจาะลึกในรายละเอียดจะพบว่าการทำอิ๊กซี่มีข้อดีหลายประการดังนี้
ข้อดีของการทำ ICSI
1. กระบวนการทำอิ๊กซี่ ICSI มีการคัดกรองน้ำเชื้อและไข่ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น จึงสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของบุตรที่อาจจะมีอาการดาวน์ซินโดรม และความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ ช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิดการตั้งครรภ์สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก อายุเฉลี่ยที่ 35 ปีขึ้นไป
2. เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ที่ง่ายขึ้น เนื่องจากในการปฏิสนธิโดยวิธีธรรมชาตินั้นจะเป็นการให้ไข่และอสุจิเข้าผสมกันเอง ซึ่งหากเป็นผู้มีบุตรยากด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ภาวะเปลือกไข่หนาแข็งจนอสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปได้เนื่องจากอายุที่เยอะ น้ำเชื้ออ่อน และไม่แข็งแรงนั้น การทำอิ๊กซี่จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นการฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง
3. สำหรับคู่สมรสที่ไม่พร้อมจะมีลูกและมีอายุน้อย หรือแม้กระทั่งผู้ที่ยังไม่ได้สมรส สามารถทำการเก็บไข่และน้ำเชื้อของตัวเองไว้ได้เช่นกัน โดยจะเก็บแช่แข็งเอาไว้ได้นานถึง 10 ปี หากตัวเองแต่งงานหรือมีความพร้อมที่จะมีลูกเมื่อไหร่ จึงนำไข่และน้ำเชื้อออกมาเพื่อทำอิ๊กซี่ได้
นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งและต้องทำการรักษาด้วยเคมีบำบัด การฉายแสง ซึ่งการรักษาเหล่านี้จะทำให้ไข่ฝ่อและอสุจิลดลงได้ แต่คนไข้สามารถนำไข่และอสุจิของตัวเองมาเก็บไว้ก่อนการรักษาได้เช่นกัน
4. การทำอิ๊กซี่มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุด การทำอิ๊กซี่ช่วยให้มีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์สูงกว่าวิธีอื่น ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอายุของฝ่ายหญิง เช่น อายุไม่เกิน 35 ปี ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ 30-40% สำหรับอายุเกิน 35 ปี มีโอกาสมีประมาณ 20-30% และหากอายุเกิน 40 ปี จะมีโอกาสประมาณ 10-20% ฉะนั้นเมื่อสังเกตว่าตัวเองเข้าข่ายภาวะมีบุตรยาก ก็ควรรีบมาปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
นอกจากการทำอิ๊กซี่จะมีประโยชน์ในด้านจะเก็บไข่และอสุจิได้นานถึง 10 ปีแล้ว ในการเก็บตัวอ่อนก็สามารถเก็บได้นานเช่นเดียวกัน
วิธีนี้เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ใช้วิธีการทำอิ๊กซี่ในการเพาะตัวอ่อนก่อนหน้านี้ แต่อาจจะมีความไม่พร้อมบางประการที่ทำให้ต้องชะลอการฝังตัวอ่อน หรือตัวอ่อนที่ฝังไปแล้วก่อนหน้านี้ เกิดการตั้งครรภ์ไปแล้ว และต้องการเก็บตัวอ่อนที่เพาะได้ตัวอื่น ๆ ไว้ เพื่อการวางแผนการมีบุตรเพิ่ม ในกรณีนี้ ก็สามารถนำตัวอ่อนมาแช่แข็งไว้ก่อนได้ เพื่อรอวันที่พร้อมตั้งครรภ์อีกครั้งก็สามารถทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์อีกครั้งได้ทันที
ข้อจำกัดของการทำ ICSI
1. ราคาสูง การทำอิ๊กซี่นั้น จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ระดับสูง นอกจากนี้ในทุกขั้นตอนยังต้องใช้ห้องปฏิบัติทางการแพทย์ และเครื่องมือที่ทันสมัย และต้องควบคุมความสะอาด อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บ คัดกรองเชื้อและเพราะตัวอ่อนที่ต้องได้รับการความดูแลอย่างสูงในทุก ๆ กระบวนการ จึงทำให้การทำเด็กหลอดแก้วหรือการทำอิ๊กซี่ค่าใช้จ่ายสูง
2. เวลา ถึงแม้ว่าอัตราความสำเร็จของการทำอิ๊กซี่จะสูง แต่ก็มีโอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จได้ด้วย ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนที่ซับซ้อนในการใส่เชื้อเพื่อปฏิสนธิล้มเหลวเนื่องจากไม่เกิดเป็นตัวอ่อน ตัวอ่อนไม่เจริญเติบโต การไม่ฝังตัวหลังจากการย้ายตัวอ่อน หรือการแท้งภายหลังการฝังตัวอ่อน ซึ่งหากเกิดข้อผิดพลาดเหล่านี้
สำหรับผู้ที่มีไข่ที่ได้รับการกระตุ้นครั้งก่อนเก็บไว้มากพอก็สามารถเลือกไข่มาใช้ใหม่ได้ทันที แต่ถ้าหากเป็นผู้ที่ไม่มีไข่ที่สามารถใช้ได้เลย ก็จะต้องเข้ารับการกระตุ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นนาน ผู้ที่เข้ารับการรักษาจะต้องมีความพยายามความอดทน และมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้
3. ในบางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่ เช่น ภาวะฟองไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
แนวทางการดูแลตัวเองหลังทำ ICSI
การปฏิบัติตัวภายหลังการใส่ตัวอ่อนในการทำ ICSI ควรปฏิบัติตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสที่จะแท้งได้ ซึ่งจะขอแนะนำแนวทางการดูแลตัวเองหลังทำ ICSI ดังนี้
- ไม่ควรลุกนั่งภายหลังการใส่ตัวอ่อนอย่างน้อย 30 นาที ในบางรายอาจจะมีอาการอ่อนแรง เจ็บหน่วงที่หน้าท้อง หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ จึงไม่ควรขับรถมาเอง ควรให้สามี ญาติ หรือผู้ใกล้ชิดพามาเท่านั้น
- ห้ามสวนล้างช่องคลอด ควรเหน็บยาในช่องคลอด และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมหรือยกของหนัก หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นลง บันได เพราะอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้
- ควรงดเดินทางไกล ๆ เพราะอาจมีผลกระทบกระเทือนต่อร่างกาย
- ไม่รับประทานยาอื่น ๆ นอกเหนือจากแพทย์สั่ง และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 14 วัน
- สำหรับอาหารการกินนั้นสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่จำเป็นต้องทานอาหารที่มีเส้นใยเยอะ ๆ เพื่อป้องกันปัญหาท้องผูกและไม่ควรกินอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบอาจทำให้ท้องเสีย เพราะอาการเหล่านี้จะส่งผลให้การตั้งครรภ์ไม่สำเร็จ
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่พื้นที่แออัด หรือคนเยอะ ๆ
ทำ ICSI ราคาเท่าไหร่
การทำเด็กหลอดแก้วด้วยเทคนิคพิเศษ ICSI ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความละเอียดสูง และยังเป็นวิธีที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าวิธีอื่น ๆ จึงทำให้การทําอิ๊กซี่ ราคาสูงกว่า โดยบางที่อาจจะแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของทางฝั่งคุณแม่ประมาณ 430,000 ? 600,000 บาท ส่วนฝ่ายคุณพ่อจะอยู่ที่ประมาณ 24,000 ? 30,000 บาท
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวยาที่แพทย์ให้ใช้ ปริมาณยา จำนวนครั้งที่พบแพทย์ และขั้นตอนการทำอิ๊กซี่ที่เป็นปฏิบัติการทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การฝากน้ำเชื้อแช่แข็ง การฝากตัวอ่อนแช่แข็ง เป็นต้น ดังนั้น ราคาโดยประมาณของการทำ ICSI จะอยู่ที่ประมาณ 454,000 ? 630,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลที่คุณเลือกด้วยเช่นกัน
ทํา ICSI ที่ไหนดี

การจะเลือกสถานที่ทำ ICSI ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ เพราะโอกาสที่สำเร็จมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คู่สมรสเลือกและไว้วางใจ ดังนั้นเรามีหลักเกณฑ์การเลือกสถานที่มาฝากกัน ดูซิว่ามีคุณลักษณะอะไรบ้าง ดังต่อไปนี้
1. เลือกสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ ได้มาตราฐานเป็นที่ยอมรับในการทำ ICSI เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ให้บริการการทำอิ๊กซี่มากขึ้น เราจึงต้องสังเกต และศึกษาสถานพยาบาลเหล่านั้นให้ดี
2. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ที่มีมาตรฐานอยู่ในระดับสากล สามารถวินิจฉัยสาเหตุภาวะการมีบุตรยากได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมให้คำแนะนำได้ในเนื้อหาเชิงลึก
3. ด้านเทคโนโลยี เครื่องที่ทันสมัย ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน มีมาตรฐาน ปลอดภัย สะอาด นอกจากความชำนาญของบุคคลแล้ว เครื่องมือเองก็ต้องมีความทันสมัย และพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
4. ความสะดวกในการเดินทาง กระบวนการขั้นตอนในการทำ ICSI ใช้เวลาในการทำเกือบ 1 เดือน ดังนั้นความสะดวกในการเดินทางนับเป็นสิ่งที่สำคัญ
5. ราคา ในปัจจุบันมีสถานให้บริการ ICSI เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันสูง ลูกค้าสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ไปเปรียบเทียบ เพื่อเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง อาจจะถูกหรือแพง แต่ตรงกับความต้องการที่สุด
6. ความสบายใจ มาจากความเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย จิตใจ ไปจนถึงทีมแพทย์ที่ชำนาญการ เพราะความมั่นใจจะทำให้ลดความเครียด โอกาสมากขึ้นด้วย
FAQs
หลาย ๆ คนก็อาจจะยังมีคำถามที่คาใจเกี่ยวกับการทำ ICSI ซึ่งเรารวบรวมข้อสงสัยเหล่านี้ มาตอบให้แล้ว ดังนี้
ทำ ICSI เจ็บไหม
ขั้นตอนการทำอิ๊กซี่นั้นคนไข้อาจจะรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยจากการเจาะเลือด ฉีดยา ส่วนการเก็บไข่จะมีการให้ยาระงับความรู้สึกและยาชาจึงไม่เจ็บแต่อย่างใด ส่วนอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้คือ ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย มีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย หรือรู้สึกอึดอัดแน่นท้อง ซึ่งหากรู้สึกมีอาการผิดปกติให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
ทำ ICSI เด็กที่เกิดมาจะอ่อนแอไหม
เด็กที่เกิดมาจากการทำ ICSI หรือการทำปฏิสนธิภายนอกนั้น ความจริงแล้วมีความสมบูรณ์แข็งแรงเท่ากับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติ
ทำ icsi เลือกเพศ ทำลูกแฝดได้ไหม
คู่สมรสส่วนใหญ่ที่ลงทุนในการทำ ICSI มีความคาดหวังที่จะเลือกเพศลูกได้ แต่การทำ ICSI เป็นวิธีการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุด จึงไม่สามารถระบุล่วงหน้าได้ว่า ตัวที่แข็งแรงที่สุดคือตัวใด ดังนั้นจึงไม่สามารถเลือกเพศได้ แต่การทำ ICSI ร่วมกับทำ PGD จะสามารถรู้เพศของตัวอ่อนก่อนย้ายไปฝังในโพรงมดลูกได้ โดยมีความแม่นยำ 99.99%
การเกิดลูกแฝด มีโอกาสเกิดลูกแฝดได้ต่อเมื่อแพทย์ฉีดตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัวเข้าสู่โพรงมดลูกมีโอกาสประมาณ 30-35% ในการเกิดฝาแฝด และมีโอกาสประมาณ 5-10% ในการเกิดแฝดสามขึ้นไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และปัจจัยด้านอายุ และสุขภาพของคุณแม่ในขณะนั้นด้วย
ข้อสรุป
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) ที่กล่าวข้างต้นเป็นเทคโนโลยีเพื่อรักษาผู้มีบุตรยากที่น่าสนใจในปัจจุบัน และทำให้หลายคู่ประสบความสำเร็จมีบุตรสมความตั้งใจ อย่างไรก็ตามคู่สมรสที่เข้าข่ายหรือกำลังตกอยู่ในภาวะมีบุตรยาก หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ