การดูแลมารดาหลังคลอดด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
ทำไมจึงต้องมีการดูแลหลังคลอด ?
การตั้งครรภ์และการคลอด นำมาซึ่งความดีใจหรือปลื้มปิติของผู้เป็นแม่ แต่ในขณะเดียวกันการตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงการคลอด ร่างกายของผู้เป็นแม่ มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก่อนที่จะออกมาเผชิญโลกกว้าง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลถึงระบบความสมดุลของธาตุต่าง ๆ ในร่างกาย ดั้งนั้นหากมารดาปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องในระหว่างการตั้งครรภ์ มักจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ๆ จนกระทั่งถึงการคลอด ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีโอกาสเสียสมดุลได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเสียเลือดจำนวนมาก ความกลัวต่าง ๆ นานาของผู้เป็นแม่ และการลดขนาดลงอย่างรวดเร็วของกล้ามเนื้อมดลูก การเพิ่มขึ้นและลดลงของฮอร์โมนต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้นหลังคลอดมารดาจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในทุก ๆ เรื่องอย่างเคร่งครัด เพราะหากปล่อยปะเลย ไม่สนใจดูแล อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ในระยะยาว เช่น ระบบความคุมอุณหภูมิกายเสียสมดุล (อาการสะท้านหนาว) ,อาการปวดศีรษะ หน้ามืดง่าย , ปวดท้องขณะมีประจำเดือน , ปวดหลังปวดปวดเอว, อ่อนเพลียง่าย ,น้ำหนักตัวมาก, ผิวพรรณไม่สดใสเปล่งปลั่ง มีฝ้า หรือริ้วรอยง่าย ,ผิวพรรณแตกลาย , มดลูกหย่อน ,ปัสสาวะเล็ด, ผายลมช่องคลอด เป็นต้น
การดูแลสุขภาพมารดาหลังคลอดต้องทำอย่างไรบ้าง ?
การดูแลสุขภาพมารดาหลังคลอด หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ? การอยู่ไฟ ? มีประโยชน์ คือ เป็นการดูแลรักษาเพื่อปรับระบบสมดุลสุขภาพตลอดจนการฟื้นฟูร่างกายของมารดาให้กับมาแข็งแรงดังเดิม เป็นการดูแลที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และเป็นการดูแลที่เรียกได้ว่า เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม นั่นคือ ดูแลอย่างครอบคลุมในทุกเรื่อง ๆ ตั้งแต่ เรื่องอาการการกิน การปฏิบัติตัว การออกกำลังกาย อารมณ์จิตใจ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยด้วย เพราะปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่อสุขภาพร่างกายของผู้เป็นมารดาทั้งสิ้น นอกจากนี้ภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพของบรรพบุรษ ยังมีกรรมวิธีหรือกระบวนการต่าง ๆ ในการดูแลมารดาหลังคลอดอีก เช่น การนวด , การทับหม้อเกลือ , การอบสมุนไพร (การเข้ากระโจม) , การทายา หรือพอกสมุนไพร ,การอาบน้ำสมุนไพร , การดื่มน้ำต้มสมุนไพร และการดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพร ไทย ซึ่งจะขอกล่าวรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การนวด
การนวด มีประโยชน์ คือ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดตึงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน กระตุ้นระบบประสาทได้อีกด้วย ปัญหาที่พบได้บ่อยใน หญิงตั้งครรภ์ อาการปวดหลัง หรือปวดขา บางรายมักเป็นตะคริว ร่วมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติ เนื่องจากมารดาต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป หลังจากการคลอด แต่อาจมีอาการอยู่ได้นาน ในรายที่ทำงานหนักหรือ มีอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องในช่วงตั้งครรภ์ เช่น การเดิน หรือยืนนาน ๆ ติดต่อกัน , การใส่ส้นสูงบ่อย ,การยกของหนัก เป็นต้น การนวดควรทำโดยผู้มีความรู้หรือประสบการณ์ จะช่วยอาการปวดดีขึ้น และเพื่อความปลอดภัย
2.การทับหม้อเกลือ
การทับหม้อเกลือ คือ การนำหม้อดินขนาดเล็กขนาดเท่ากำมือ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หม้อทะนน ใส่เกลือตัวผู้แล้วนำไปอังไฟให้ร้อน จากนั้นรองก้นหม้อด้วยใบพลับพลึงและนำไปห่ออีกชั้นด้วยผ้าขาวบาง รูปทรงคล้ายลูกประคบ ซึ่งมีสมุนไพรบดหยาบรองอยู่ข้างล่าง จากนั้นนำมาประคบบริเวณท้องน้อย ( รอบๆ มดลูก) ด้วยทิศทางและแรงที่เหมาะสม ประโยชน์ของการทับหม้อเกลือ คือ ช่วยขับน้ำคาวปลา และช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ( มดลูกกลับเข้าที่และมีขนาดเล็กลงเท่ากับขนาดปกติ ) นอกจากนี้ ยังช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดอาการปวดได้เป็นอย่างดี
3. การอบสมุนไพร
การอบสมุนไพร หรือ การเข้ากระโจม คือ การอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร ซึ่งจะมีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยขับน้ำคาวปลา , ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิต และน้ำเหลืองไหลเวียนดี , ช่วยสารพิษหรือของเสียส่วนเกินออกทางผิวหนังพร้อม ๆ เหงื่อ ,ช่วยสลายไขมันโดยการเพิ่มการเผลาผลาญพลังงาน ,ช่วยทำความสะอาดและบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีสุขภาพดี , ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตึงตัวของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น , ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจโล่ง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมอีกด้วย การอบสมุนไพรควรใช้เวลาและอุณหภูมิ ที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดผลดีต่อร่ากาย คือ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีต่อครั้งต่อวัน ทำติดต่อกันทุกวัน อย่างน้อย 7 วัน และเริ่มทำได้เมื่อ คลอดผ่านไปแล้ว 7 วัน
4.การทายาหรือพอกยาสมุนไพร
เป็นการนำสมุนไพรสดหลาย ๆ ตัว มาบดรวมกัน แล้วนำไปทาหรือพอกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมากจะทาที่หน้าท้อง และต้นขา โดยมีประโยชน์ คือ ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด ช่วยให้เลือดไหวเวียนดี และช่วยลดอาการแตกลายของผิวหนัง มักจะทำหลังการการนวดและทับหม้อเกลือเสร็จสิ้นแล้ว โดยทาพอกไว้สักครู่ ก่อนที่จะเข้ากระโจมอบสมุนไพร
5. การอาบน้ำต้มสมุนไพร
เป็นการนำสมุนไพรหลายตัวมาต้มรวมกัน แล้วผสมน้ำสะอาดให้พออุ่น ให้มารดาอาบโดยใช้วิธีการตักอาบ ซึ่งจากส่วนผสมของสมุนไพร จะช่วยชำระล้างกลิ่นคาวเลือด หรือน้ำคาวปลา ตลอดจนสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ให้มาเลี้ยงผิวหนังดีขึ้น ผิวพรรณจึงดูสดใสเปล่งปลั่งสุขภาพดี ดูมีเลือดฝาด บางท้องถิ่นมีความเชื่อว่า ช่วงอยู่ไฟไม่ควรสระผม ซึ่งในความเป็นจริงสระได้ แต่ควรสระด้วยน้ำอุ่น ๆ การอาบน้ำก็เช่นกัน ในช่วงอยู่ไฟหลังคลอดไม่ควรอาบน้ำเย็นเด็ดขาด แม้แต่น้ำอุณหภูมิห้องก็ไม่ควร เพราะช่วงนี้ร่างกายจะเกิดอาการสะท้านหนาวได้ง่าย
6.การดื่มน้ำต้มสมุนไพร
การดื่มน้ำต้มสมุนไพร จะช่วยปรับสมดุลสุขภาพจากภายใน โดยฤทธิ์หรือสาระสำคัญที่อยู่ในตัวยาสมุนไพรจะช่วยฟื้นฟูบำรุงสุขภาพ บำรุงโลหิต บำรุงกำลัง และช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ในช่วงของการอยู่ไฟ ไม่ควรดื่มน้ำเย็น หรือทานของเย็น ๆ เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม น้ำอัดลม เพราะจะทำให้เลือดเกิดการจับตัวเป็นกลุ่มก้อน ไหลเวียนไม่ดี น้ำคาวปลาจะถูกขับออกไม่หมด และอาจส่งผลต่อระบบการควบคุมอุณหภูมิกาย จนเกิดอาการสะท้านหนาวได้ในภายหลัง
7.การดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพรไทย
ปัญหาผิวพรรณที่พบบ่อยในหญิงหลังคลอด คือ ปัญหาผิวแตกลาย และมีจุดด่างดำ หรือ อาจมีฝ้าที่ผิวหน้า อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดี ขึ้น แต่ต้องใช้เวลานาน หลายเดือนกว่าจะหมดไป การดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพรจะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปได้เร็วขึ้น โดยหลักการ ก็คือ จะใช้สมุนไพรที่ช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกไป และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน พร้อมทั้งบำรุงและให้ความชุ่มชื่น สร้างสมดุลหรือความแข็งแรงให้กับผิวพรรณ ให้ผิวดูเปล่งปลั่งมีสุขภาพดีจากภายใน
การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องของมารดาหลังคลอด
อาหารการกิน
1.ทานอาหารให้หลากหลายครบทั้ง 5 หมู่ เน้น ผัก ผลไม้ และอาหารโปรตีน
2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 10-12 แก้วต่อวัน ควรเป็นน้ำอุ่น ๆ เลี่ยงการดื่มน้ำเย็น
3.งดอาหารหมักดองของคาว อาหารรสจัด หรือ อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
4.เลี่ยงการทานของเย็น หรืออาหารฤทธิ์เย็น เช่น น้ำแข็ง , ไอศกรีม , แตงกวา , แตงโม , แตงไทย, ฟักแฟง ,บวบ เป็นต้น
5.ควรดื่มนมอุ่น ๆ วันละ 1-2 แก้ว ต่อวัน
6.เพิ่มการทานสมุนไพรรสร้อนลงไปในเมนูอาหาร เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน ให้ร่างกายอบอุ่น เช่น ขิง , ข่า , ตะไคร้ , กระเทียม , กะเพรา , กระชาย , พริกไทย เป็นต้น
การปฏิบัติตัว
1. งดการทำงานหนัก ,การทำงานที่ต้องออกแรงมาก หรือการก้มยกของหนัก หรือการทำงานต่อเนื่องนาน ๆ
2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน หากต้องตื่นมาให้นมบุตรตอนกลางคืน ควรหาเวลาหลับไปกับบุตรในช่วงกลางวันแทน
3. เลี่ยงการอยู่ในที่อากาศเย็นจัด นาน ๆ เช่น ห้องแอร์ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใส่เสื้อผ้าหนาเพื่อให้ความอบอุ่น
4. ไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำเย็น ควรใช้เป็นน้ำอุ่น ๆ แทน เพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย
5.ควรให้นมบุตรทุกๆ ที่บุตรต้องการ หรือประมาณ 2-3 ชม ต่อครั้ง ยิ่งบุตรดูดบ่อย ยิ่งเป็นการกระตุ้นการสร้างน้ำนม
6.ควรเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่ อย่างน้อยสุด ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะน้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วน และเหมาะที่สุดสำหรับลูก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน และพัฒนาการทางสติปัญญาให้ฉลาด อารมณ์ดี
7.หากมีอาการไม่สบาย จำเป็นต้องใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพราะยาบางตัวมีผลต่อการสร้างน้ำนม และส่งผลไปถึงบุตรได้
ยินดีให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ฟรี
โดย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ม.มหิดล
โทร 087-5072274 ปอนด์ ครับ
http://www.anegaya.shopup.com
การดูและสุขภาพมารดาหลังคลอดด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
- pond_pond
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ 26 พ.ย. 2011 1:43 pm
การดูและสุขภาพมารดาหลังคลอดด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
Mom & Child's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพแม่และเด็ก กระทู้สุขภาพแม่และเด็ก
- โรคมือ เท้า ปาก ในเด็กเล็ก ต้องเฝ้าระวัง รู้เท่าทันป้องกันได้ (73 views)
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้บริการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ด้วยวิธี NIPT ฟรีในหญิงตั้งครรภ์ไทยทุกราย (193 views)
- ประโยชน์ของนมแม่สำหรับทารกป่วย (219 views)
- หมอเด็กแนะ 3 โรคยอดฮิตฤดูฝนที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม (529 views)
- แพทย์เผยเด็กเล็กเสี่ยงต้อหินได้ โดยอาจพบตั้งแต่แรกเกิด พร้อมแนะ ! วิธีสังเกตุโรคต้อหินในเด็ก (152 views)
- ควันบุหรี่มือสอง ภัยร้ายอันตรายต่อเด็กและสิ่งแวดล้อม (358 views)
- แพทย์แนะคุณพ่อแม่เฝ้าระวัง โรคในหน้าฝนช่วงเปิดเทอม (284 views)
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้บริการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ด้วยวิธี NIPT แม่นยำมากกว่า 99% (391 views)