
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาโรคเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์จะรักษาตามความรีบด่วนของอาการและสาเหตุ หากมีเลือดออกมากต้องห้ามเลือด และให้รับประทานยาเพรดนิโซโลน ในกรณีเด็กเกล็ดเลือดไม่ต่ำมาก ไม่มีเลือดออก อาจจะหายได้เอง สำหรับในกรณีที่พบอาการรุนแรง ส่วนใหญ่ให้ยาเมทิลเพรดนิโซโลนทางเส้นเลือด ส่วนการรักษาด้วยวิธีการตัดม้าม จะพิจารณาเมื่อจำเป็น เพราะม้ามเป็นตัวทำลายเกล็ดเลือด เมื่อตัดม้ามออก ปริมาณเกล็ดเลือดจะสูงขึ้นแต่ต้องระวัง เพราะโดยปกติ ม้ามมีหน้าที่กำจัดเม็ดเลือดที่ไม่สมบูรณ์ และช่วยป้องกันเชื้อโรคบางอย่าง ผู้ป่วยที่ตัดม้ามออกเสี่ยงติดเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ง่าย จึงต้องดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาการรักษามากขึ้น พบว่า มีการรักษาด้วยยาริทูซิแมบ, ยาเอลทรอมโบแพคในเด็ก ซึ่งข้อมูลการใช้ยาอยู่ในระหว่างการศึกษา และมีการรักษาแบบให้ยาอิมมิวโนโกลบู-ลินให้ทางเส้นเลือด ( Intravenous Immunoglobulin: IVIG) เพื่อเพิ่มเกล็ดเลือด ซึ่งมีข้อบ่งชี้ตามหลักเกณฑ์การใช้ยาของสิทธิบัตรประกันสุขภาพ นอกจากนี้ แพทย์แนะนำวิธีการดูแลและการปฏิบัติเมื่อลูกน้อยเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำ โดยให้หลีกเลี่ยงกิจกรรม หรือ กีฬาที่เสี่ยงต่อการหกล้ม การกระทบกระแทก หรือมีเลือดออกได้ง่าย และเมื่อมีการทำฟัน ที่ต้องมีการถอนฟัน อุดฟัน และผ่าตัด ควรแจ้งทันตแพทย์ก่อนเพื่อทำการรักษาให้เด็กปลอดภัยที่สุด
ข่าว/ภาพ-สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์