ที่ผ่านมามีการใช้ฮอร์โมนในระยะยาวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้เพื่อหวังผลในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน มีความจำเป็นต้องให้การรักษาหลายปี เพื่อที่จะเพิ่มมวลกระดูกและป้องกันกระดูกหัก และพบว่าเมื่อหยุดยาความหนาแน่นของกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็วเท่ากับก่อนการ รักษา ในการรักษาระยะยาวนี้จากการศึกษา ของ WHI พบว่าการให้ยาฮอร์โมนในระยะยาวมีผลเสียโดยรวมมากกว่าผลดี ผลเสียนั้นได้แก่ จากการศึกษาในกลุ่มที่ใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนและโพรเจสโทรเจน (สูตร conjugated equine estrogen 0.625 mg และ medroxy progesterone acetate 2.5 mg ต่อวัน) ในระยะเวลาการศึกษา 5.6 ปี พบการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมในอัตรา 8 ราย ต่อ 10,000 รายของสตรีที่ใช้ฮอร์โมนในระยะเวลา 1 ปี และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ในอัตรา 7 รายต่อ10,000 รายของสตรีที่ใช้ฮอร์โมนในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราเสี่ยงที่ไม่มาก ส่วนในกลุ่มที่ได้รับการตัดมดลูกแล้วได้รับฮอร์โมนเอสโทรเจนอย่างเดียว ในระยะเวลา 8 ปี ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม แต่ความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดหัวใจยังคงอยู่
1. ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
จากการศึกษาของ WHI สรุปว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเล็กน้อย ซึ่งนัยสำคัญทางสถิติมีหรือไม่ยังเป็นที่ถกเถียงไม่ได้ข้อสรุป และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้มากกว่า 5 ปี แต่ในกรณีที่ใช้ฮอร์โมนสูตรเอสโทรเจนอย่างเดียว ไม่เพิ่มความเสี่ยงดังกล่าวเพราะเหตุใดยังไม่ทราบแน่ชัด ดังนั้นถ้าผู้ป่วยกังวลเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่ทำ การรักษา ควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองทุกเดือน และควรให้แพทย์ตรวจเต้านมร่วมกับ mammogram ทุกปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี
2. ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
การใช้ฮอร์โมนในระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่ stroke, heart attack และ blood clots โดยเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานฮอร์โมน 7 รายต่อ 10,000 รายของสตรีที่ใช้ฮอร์โมนในระยะเวลา 1 ปี ตามการศึกษาของ WHI ในการใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนร่วมกับโพรเจสโทรเจนพบความเสี่ยงต่อ heart attack และ blood clots เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีแรกที่ได้รับฮอร์โมนในขณะที่ความเสี่ยงของต่อการเกิด stroke เพิ่มขึ้นหลังการรักษาไปแล้ว 2 ปี
ส่วนกลุ่มที่ได้รับฮอร์โมนเอสโทรเจนอย่างเดียวก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด โรคหลอดเลือดหัวใจในอัตราที่ใกล้เคียงกับกลุ่มที่ใช้ทั้งฮอร์โมนเอสโทรเจน และโพรเจสโทรเจน
ฮอร์โมนเอสโทรเจนมีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกในสตรีวัยหมด ประจำเดือนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่จากข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นหากใช้ในระยะเวลานานทำให้เกิดข้อกังขาในการใช้กับสตรีทุกราย เพื่อป้องและรักษาโรคกระดูกพรุน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่เกิดขึ้นถ้าคิดเป็นรายบุคคลอาจมีเพียงเล็กน้อย จึงเป็นข้อควรระวังและทำความเข้าใจกับสตรีที่ใช้ฮอร์โมน แนวทางปฏิบัติที่ออกโดยสถาบันต่างๆ ทั่วโลก แนะนำว่าควรใช้ในการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน ในกรณีที่ต้องการรักษาอาการวัยหมดประจำเดือนด้วยเท่านั้น เพราะหากใช้ในการรักษากระดูกพรุนอย่างเดียวต้องให้เป็นระยะเวลานานก็อาจมี ความเสี่ยงต่างๆ เกิดขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ในระยะเวลานาน ควรต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับผู้ป่วยโดยคำนึงถึงประโยชน์และโทษที่อาจได้รับ
อันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ฮอร์โมนสำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน
Lady Women's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพเพศหญิง ผู้หญิง กระทู้สุขภาพผู้หญิง
- Green
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 21 มี.ค. 2011 7:17 am
อันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ฮอร์โมนสำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน
Lady Women's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพเพศหญิง ผู้หญิง กระทู้สุขภาพผู้หญิง
Lady Women's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพเพศหญิง ผู้หญิง กระทู้สุขภาพผู้หญิง
- เมื่อมะเร็งใกล้ตัวกว่าที่เราคิด (456 views)
- มะเร็งรังไข่ ภัยเงียบในเพศหญิง เกิดได้ทุกช่วงวัยโดยเฉพาะสตรีสูงวัย "กรกฎาคม เดือนรณรงค์ป้องกันมะเร็งรังไข่" (316 views)
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติเปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับผู้หญิงไทย อายุ 11-20 ปี ฟรี (1207 views)
- กทม. เชิญชวนหญิงไทยอายุ 11-20 ปี ฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก (HPV) ฟรี!! (283 views)
- “มะเร็งปากมดลูก” ภัยร้ายที่คุกคามสตรี พบมากเป็นอันดับ 4 ของผู้หญิงทั่วโลก (725 views)
- A-Listic เผยเทรนด์สุขภาพมาแรง (375 views)
- ปวดท้องน้อย อย่าปล่อยผ่าน!! สัญญาณเตือนเสี่ยง “โรคช็อกโกแลตซีสต์” รู้เร็ว รักษาไว ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิต (518 views)
- โครงการวันมะเร็งเต้านมโลก “World Breast Cancer Day 2024” (1994 views)