นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ห่วงใยและแจ้งเตือนการเดินทางไปต่างประเทศพร้อม “ยารักษาโรค” ต้องระวังอย่างมาก เพราะแต่ละประเทศมีกฎเกณฑ์แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่อง ยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ หรือแม้แต่ยาสามัญบางตัวที่ในประเทศเรามองว่า “ธรรมดา” แต่ในบางประเทศถือว่าผิดกฎหมาย สำหรับแนวทางทั่วไปในการตรวจสอบยาเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ ได้แก่
1. ตรวจสอบสารออกฤทธิ์ (Active Ingredient) เน้นที่ “สารสำคัญ” ในตัวยา มากกว่าชื่อการค้า
2. ตรวจสอบประเทศปลายทางแต่ละประเทศมีการควบคุมหรือห้ามต่างกันในแต่ละประเทศ
3. ยาบางชนิดต้องแสดงใบสั่งแพทย์ชัดเจน ทั้งนี้ เอกสารที่ควรพกติดตัว ได้แก่ ใบรับรองแพทย์ (ระบุชื่อยา, ปริมาณ, เหตุผลการใช้) ฉลากยาเดิม (อย่าแบ่งใส่ซองไม่มียี่ห้อ) ถ้าจำเป็นอาจต้องขออนุญาตผ่านสถานทูตหรือหน่วยงานอาหาร-ยา ของประเทศปลายทาง
นอกจากนี้ การนำผลิตภัณฑ์จากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นช่อดอกแห้ง น้ำมันกัญชา หรืออาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม ติดตัวไปต่างประเทศ อาจนำไปสู่บทลงโทษร้ายแรงในหลายประเทศ เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศแตกต่างกัน อาจส่งผลให้ถูกจับกุม ปรับ จำคุก ได้
หากมีรายชื่อยาเฉพาะที่ต้องการตรวจสอบ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากสถานทูต ประจำประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://narcotic.fda.moph.go.th/news-up ... -update-27
*****************************
ข้อแนะนำในการนำยาติดตัวไปต่างประเทศ
นักท่องเที่ยวไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางออกนอกประเทศไทยและต้องนำ “ยารักษาโรค” ติดตัวเข้า-ออกประเทศนั้น ต้องตรวจสอบรายละเอียดของยาที่จะนำติดตัวไปว่าเป็นยาต้องห้าม หรือมีเงื่อนไขต้องขอรับอนุญาตก่อนที่จะนำออกจากประเทศ รวมถึงขออนุญาตนำเข้าประเทศปลายทางหรือไม่ โดยปกติหากเป็นยาทั่วไปหรือยาสามัญประจำบ้าน สามารถนำติดตัวไปในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่ต้องขอรับอนุญาตแต่อย่างใด เช่นข้อแนะนำในการนำยาติดตัวไปต่างประเทศ
- ยาลดไข้ ยาแก้ปวด - พาราเซตามอล (Paracetamol) พอนสแตน (Ponstan) ไอบูโพรเฟน
(Ibuprofen)
- ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก - คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) เซทิริซีน (Cetirizine)
- ยาแก้คลื่นไส้และอาเจียน แก้เมารถ - ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate)
- ยาแก้ท้องเสีย - ผงเกลือแร่ คาร์บอน
- ยารักษาโรคประจำตัว เช่น ยาความดัน ยาเบาหวาน ยาละลายลิ่มเลือด
สำหรับยาในกลุ่มที่เป็นยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ ต้องมีการควบคุมเข้มงวดตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นการจะนำยาในกลุ่มเหล่านี้เข้า-ออกนอกประเทศ จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า ทั้งจากประเทศไทยและประเทศปลายทาง เช่น
- ยาคลายวิตกกังวล ยานอนหลับ - อัลพราโซแลม (Alprazolam) ไดอะซีแพม (Diazepam)
ลอราซีแพม (Lorazepam)
- ยาแก้ไอที่มี Codeine เป็นส่วนผสม - Codeine phosphate + Guaiphenesin (Ropect®)
- ยาแก้หวัดคัดจมูก - ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine Tylenol Cold® Actifed® Sudafed®)
- ยารักษาสมาธิสั้น – เมทิลเฟนิเดต (Methylphenidate Ritalin® Concerta®)
สิ่งที่ต้องทำหากต้องการจะนำยารักษาโรคติดตัวเดินทางไปต่างประเทศ การนำยาติดตัวออกนอกประเทศไทย
1. ตรวจสอบรายชื่อยาและประเภทของยาว่าควบคุมเป็นยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ตามกฎหมายประเทศไทยหรือไม่ หากใช่ต้องขออนุญาตนำยาติดตัวออกนอกประเทศ รายละเอียดการขออนุญาต มีดังนี้
- กรณียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เช่น มอร์ฟีน หรือยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 เช่น ยาแก้ไอที่มีโคเดอีนเป็นส่วนผสม ต้องขอรับใบอนุญาต ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนวันเดินทางเข้าหรือออกในแต่ละครั้งพร้อม ด้วยใบสั่งแพทย์ ชื่อยาและรูปแบบที่ใช้ จำนวนยา ชื่อและที่อยู่ของแพทย์ผู้สั่งยา
- กรณีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เช่น ซูโดอีเฟดรีน หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3,4 เช่น ลอราซีแพม ถ้านำติดตัวเข้าหรือออกนอกประเทศในปริมาณการใช้ไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต แต่ต้องมีใบสั่งแพทย์นำมาแสดงตอนนำเข้าหรือนำออกนอกประเทศ หากจะนำติดตัวปริมาณการใช้เกิน 30 วัน ต้องขอรับใบอนุญาตล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนวันเดินทางเข้าหรือออกในแต่ละครั้ง พร้อมด้วยใบสั่งแพทย์ ที่ ชื่อยาและรูปแบบที่ใช้ จำนวนยา ชื่อและที่อยู่ของแพทย์ผู้สั่งยา
2. ท่านสามารถตรวจสอบรายชื่ อและประเภทของยา รวมถึ งขออนุ ญาตผ่ านทางเว็บไซต์ https://permitfortraveler.fda.moph.go.t ... ermit_main หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองควบคุมวัตถุเสพติด อย. โทร. 025907346
การขอนำยาเข้าประเทศปลายทาง
1. ตรวจสอบรายชื่อยาและประเภทของยาว่าเป็นยาห้ามนำเข้าของประเทศปลายทางหรือไม่ โดยเน้นตรวจสอบจาก “ตัวยาสำคัญ” มากกว่าชื่อการค้า และศึกษารายการยาต้องห้ามของประเทศที่จะเดินทางไปเนื่องจากแต่ละประเทศมีกฎหมายควบคุมแตกต่างกัน ดังนั้นนอกเหนือจากยาในกลุ่มของยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ที่ทุกประเทศต้องควบคุมแล้ว อาจมียาบางตัวที่บางประเทศควบคุมเพิ่มเติมแตกต่างกัน ตัวอย่างยาต้องห้ามที่ต้อง
ขออนุญาตก่อน เช่น
• ญี่ปุ่น : ยาแก้ไอ Codeine, ยาแก้หวัด Pseudoephedrine
• สิงคโปร์ : ยาแก้ไอ Codeine, ยารักษาโรคจิตหรือวิตกกังวล
• เกาหลีใต้ : ยาคลายวิตกกังวล ยานอนหลับ (Alprazolam, Diazepam, Lorazepam)
ยาแก้ไอ Codeine, ยาแก้หวัด Pseudoephedrine, ยารักษาสมาธิสั้น (Methylphenidate)
• อียิปต์, อินเดีย : ยาแก้ปวด Tramadol
2. หากตรวจสอบแล้วพบว่ายาดังกล่าวเป็นยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ หรือยาควบคุมที่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายของประเทศปลายทาง ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขออนุญาตก่อนที่จะมีการนำยาติดตัวเข้าประเทศ โดยท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานเอกอัครราชทูตของประเทศนั้นๆ ประจำประเทศไทย
3. ข้อแนะนำเพิ่มเติมกรณีท่านต้องการนำยารักษาโรคติดตัวเข้า-ออกประเทศ
• ยาอยู่ในบรรจุภัณฑ์เดิม ที่มีฉลากแสดงรายชื่อยา ระบุเป็นภาษาอังกฤษชัดเจน
• ใบสั่งแพทย์ หรือใบรับรองแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษที่ระบุโรคที่เป็น ยาที่ต้องใช้ และปริมาณที่
ต้องใช้
• ปริมาณยาที่พกไปสอดคล้องกับจำนวนวันเดินทางและไม่ควรเกินกว่า 30 วัน
ทั้งนี้หากท่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับการนำยาติดตัวไปต่างประเทศได้
เว็บไซต์สำหรับสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับตรวจสอบรายชื่อยาและข้อจำกัดการนำยาเข้าประเทศปลายทาง
1. iatatravelcentre.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดของประเทศปลายทาง
2. www.incb.org เว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (International Narcotics Control Board “INCB”) ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ ในแต่ละประเทศ และเอกสารสรุปแนวทางการนำยาไปต่างประเทศสำหรับผู้ป่วย (Guidelines for travellers carrying
medical preparations)
3. mfds.go.kr เว็บไซต์ของ Ministry of food and drug safety ของเกาหลีใต้ สำหรับสืบค้นรายชื่อยา ยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ และการขออนุญาตนำยาติดตัวเข้าเกาหลีใต้
4. www.fda.gov เว็บไซต์ของ FDA สหรัฐอเมริกา สำหรับตรวจสอบยาที่ได้รับอนุญาตในสหรัฐฯ และแนวทางนำเข้ายาเพื่อใช้ส่วนตัว
------------------------------------------------------------------------------------------------
กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
พฤษภาคม 2568