
เครื่องมือจัดฟันโลหะประกอบด้วยแบร็กเก็ต (Brackets) ลวดจัดฟัน (Archwire) และยางรัดหลากสี (O-ring) ซึ่งติดอยู่กับฟันแต่ละซี่ ช่วยจัดเรียงฟันให้เข้าที่ตามแผนการรักษาที่วางไว้ วิธีนี้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ทุกระดับ
ประเภทของการจัดฟันแบบโลหะ
1. จัดฟันโลหะแบบดั้งเดิม (Metal Braces)
มีการใช้เครื่องมือโลหะ แบร็กเก็ต ติดกับผิวหน้าฟัน แล้วใช้ลวดจัดฟัน กับ ยางรัดเพื่อจัดเรียงฟันให้เข้าที่ กระบวนการนี้ต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อปรับเครื่องมือให้เหมาะสมกับการรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด
2. จัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces)
วิธีการเหมือนการจัดฟันดั้งเดิมทุกอย่าง แต่แบร็กเก็ตทำจากเซรามิกที่มีสีใสหรือสีที่กลมกลืนกับเนื้อฟัน ทำให้สังเกตเห็นได้น้อยกว่าการใช้โลหะ แต่เซรามิกมีความเปราะบางมากกว่าโลหะ จำเป็นต้องดูแลให้ดีเป็นพิเศษ
3. จัดฟันดามอน (Damon Braces)
เป็นการจัดฟันที่ใช้เทคโนโลยี Self-Ligating Brackets ซึ่งไม่ต้องใช้ยางรัดฟัน แต่ใช้ระบบสไลด์แทน ทำให้ลดแรงเสียดทานระหว่างลวดกับแบร็กเก็ต ช่วยให้การรักษารวดเร็วขึ้น ลดความเจ็บปวดลง เมื่อเทียบกับการจัดฟันโลหะแบบดั้งเดิม
4. จัดฟัน Fast Smile
เป็นเทคนิคเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อลดระยะเวลาในการจัดฟัน โดยอาศัยหลักการกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกบริเวณรากฟัน ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้แรงดึงน้อยกว่าเดิม
การจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับใครบ้าง?
การจัดฟันโลหะ หรือ จัดฟันเหล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันเรียงตัวผิดธรรมชาติตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ปานกลาง จนถึงปัญหาหนัก ยกตัวอย่างเช่น
ฟันซ้อนเก หรือฟันขึ้นผิดตำแหน่ง
ฟันหน้าที่ยื่นออกมากเกินไป (ฟันเหยิน)
การสบฟันลึก หรือฟันสบกันไม่สนิท
ฟันบนและฟันล่างขบกันผิดปกติ ทำให้เกิดการสึกของฟัน
ปัญหาความผิดปกติของขากรรไกรที่ต้องใช้การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด
บทสรุป
การจัดฟันแบบโลหะเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง และ เป็นที่ยอมรับในวงการทันตกรรมทั่วโลก เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันได้อย่างครอบคลุม มีตัวเลือกที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล สำหรับใครที่ต้องการจัดฟัน แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ก่อน เพื่อวินิจฉัย พิจารณาประเภทของการจัดฟันที่เหมาะสมกับตนเองที่สุด จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดนั่นเอง