
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ Coolsculpting ว่าทำงานอย่างไร ขั้นตอนการทำเป็นอย่างไร ต้องใช้กี่หนีบ พร้อมกับคำแนะนำในการเลือกจำนวนหนีบให้เหมาะสม เลื่อนอ่านต่อด้านล่างได้เลย!
แนะนำ Coolsculpting วิธีกำจัดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด
Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นแบบติดลบ ในการสลายไขมันส่วนเกิน โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งช่วยลดไขมันส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างดี เช่น หน้าท้อง ขา และเอว โดยใช้หลักการแช่แข็งเซลล์ไขมันจนตายและถูกกำจัดออกไปโดยธรรมชาติ วิธีนี้ไม่ต้องพักฟื้น ไม่เจ็บตัว และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีหลังทำ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด
หลักการทำงานของ Coolsculpting
เครื่องสลายไขมันด้วยความเย็นหรือ CoolSculpting จะใช้หลักการกำจัดเซลล์ไขมันด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) หรือการแช่แข็ง โดยอาศัยคุณสมบัติของเซลล์ไขมันที่สามารถแข็งตัวได้เร็วกว่าเซลล์ผิวหนังมาใช้ในการทำลายเซลล์ไขมันแบบจำเพาะเจาะจงและไม่ไปทำลายเซลล์อื่นรอบข้าง
1. แช่แข็งไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นจัด (Cryolipolysis)
เครื่อง Coolsculpting จะมีหัวดูดสุญญากาศ (Applicators) เพื่อจับบริเวณผิวหนังที่มีไขมันส่วนเกิน
จากนั้นจะใช้เทคโนโลยีการทำความเย็นจัดประมาณ -11 องศาเซลเซียส เพื่อแช่แข็งเซลล์ไขมันในบริเวณนั้น
2. ทำลายเซลล์ไขมัน
อุณหภูมิต่ำจะทำให้เซลล์ไขมันตายไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่จะไม่กระทบต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ รอบข้าง เช่น ผิวหนัง หลอดเลือด และเส้นประสาท
3. ขจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกาย
หลังจากเซลล์ไขมันถูกทำลาย ร่างกายจะขับถ่ายเซลล์ไขมันเหล่านั้นออกไปตามกระบวนการธรรมชาติในช่วง 3 เดือน

ข้อดีของ Coolsculpting เหตุผลที่ทำให้ Coolsculpting เป็นทางเลือกยอดนิยม
? ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานและดำเนินชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังทำ
? ปลอดภัย ได้รับการอนุมัติจาก อย. ไทย และ FDA
? ผลข้างเคียงน้อย มีเพียงอาการชั่วคราวเช่น เจ็บนิดหน่อย นวดช้ำ หรือรู้สึกเย็นในบริเวณที่ทำ
? สามารถกำจัดไขมันในบริเวณที่ยากต่อการลดน้ำหนัก เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน เป็นต้น
? ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่สามารถสร้างกลับมาใหม่ได้
? เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด หรือมีปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
ด้วยข้อดีหลายประการนี้ จึงทำให้ Coolsculpting เป็นยอดนิยมในการลดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด
ขั้นตอนการทำ Coolsculpting
- ปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์พื้นที่ที่ต้องการลดไขมันและประเมินความเหมาะสมในการทำ
- ทำความสะอาดและทำเครื่องหมายกำหนดจุดบริเวณที่จะทำ
- นำหัวเครื่อง Coolsculpting วางบนบริเวณที่จะทำ โดยเครื่องจะใช้สุญญากาศดูดผิวหนังและไขมันเข้าไปในหัวเครื่อง
- เริ่มใช้ความเย็นเพื่อสลายไขมัน ประมาณ 30-60 นาที ขณะทำอาจรู้สึกเย็นและหนีบบริเวณที่ทำ
- แพทย์หรือเจ้าหน้าที่นวดบริเวณที่ทำเบา ๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการสลายไขมันเป็นไปได้ดีขึ้น
- เสร็จสิ้นการทำ สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีหลังจากการรักษา ไม่ต้องพักฟื้น
ควรใช้จำนวนกี่หนีบในการทำ Coolsculpting ?

ปริมาณไขมันส่วนเกิน และผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำจำนวนหนีบ CoolSculpting ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ตัวอย่างจำนวนหนีบ CoolSculpting แต่ละบริเวณ
- ใต้คาง/เหนียง : 1 หนีบ
- หน้าท้อง : 2-4 หนีบ
- เอว : 2 หนีบ
- ต้นแขน : 2 หนีบ
- ใต้รักแร้ : 2 หนีบ
- ต้นขา : 2 หนีบ
- สะโพก : 2 หนีบ
ทั้งนี้ การทำ CoolSculpting 1 หนีบ สามารถสลายไขมันได้ประมาณ 60-70 ซีซี
ทำ Coolsculpting กี่ครั้งเห็นผล ?
ผลลัพธ์ของการทำ Coolsculpting อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดหลังทำประมาณ 3 เดือน
จำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการกำจัดไขมัน ปริมาณไขมันส่วนเกิน และผลลัพธ์ที่ต้องการ แพทย์จะเป็นผู้แนะนำจำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ตัวอย่างจำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting แต่ละบริเวณ
- หน้าท้อง: 2-3 ครั้ง
- ต้นแขน: 1-2 ครั้ง
- ต้นขา: 2-3 ครั้ง
ทั้งนี้ การทำ CoolSculpting 1 ครั้ง สามารถลดไขมันได้ประมาณ 20-30%
การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน
- งดทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- สวมใส่เสื้อผ้าสบายที่ไม่รัดรูปไปยังคลินิก
- ถ่ายรูปก่อนทำ
สรุป
Coolsculpting เป็นวิธีการกำจัดไขมันที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ต้องการกำจัดไขมันแบบไม่เจ็บตัว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ก่อนตัดสินใจทำควรปรึกษากับแพทย์เพื่อวางแผนให้เหมาะสม