สาเหตุของปัญหาใต้ตา
ปัญหาใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การยุบตัวของกระดูกใต้ตา เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกใต้ตาจะค่อยๆ ยุบตัวลง ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อยและเกิดเป็นถุงใต้ตา
- การลดลงของไขมันใต้ตา เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้ตาจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาดูบางลงและเกิดเป็นรอยคล้ำ
- การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินใต้ตาจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อยและเกิดเป็นริ้วรอย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ใต้ตาได้ดังนี้
- ลดถุงใต้ตา ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่ยุบตัวลง ทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลง
- ลดตาดำคล้ำ ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของของเหลวใต้ตา ทำให้ตาดำดูสว่างขึ้น
- ลดขอบตาลึก ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณขอบตาที่ลึกลง ทำให้ขอบตาดูเต็มขึ้น
- ลดริ้วรอยใต้ตา ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่หย่อนคล้อย ทำให้ริ้วรอยใต้ตาดูตื้นขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตามีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและระยะเวลาการคงสภาพ ดังนี้
- ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic acid (HA) เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ระยะเวลาการคงสภาพประมาณ 6-18 เดือน
- ฟิลเลอร์ประเภท Poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงทนกว่าฟิลเลอร์ประเภท HA ระยะเวลาการคงสภาพประมาณ 18-24 เดือน
- ฟิลเลอร์ประเภท Calcium hydroxylapatite (CaHA) เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงทนที่สุด ระยะเวลาการคงสภาพประมาณ 24-36 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ใต้ตา อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้