Skip ไปที่เนื้อหา

รอยสิว รอยดำ คืออะไร? รักษารอยสิวเร่งด่วนอย่างไรให้หายขาด

iBeauty Forums | เว็บบอร์ดความงาม เคล็ดลับความงาม เว็บบอร์ดเครื่องสำอาง ผิว แฟชั่น นวด สปา
  • เนิร์ด
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 12 เม.ย. 2022 11:46 am

รอยสิว รอยดำ คืออะไร? รักษารอยสิวเร่งด่วนอย่างไรให้หายขาด

 โพสต์ เนิร์ด    5430

รักษารอยสิว

หลายคนในขณะที่เป็นสิว หรือรักษาสิวหายแล้วก็มักเจอของแถมที่ใครๆ ก็ไม่อยากได้อย่างรอยสิว แล้วสงสัยไหมว่ารอยสิวคืออะไร เมื่อเกิดรอยสิวขึ้นเราจะมีวิธีรักษารอยสิวอย่างไรให้หายกลับมาผิวเนียนใสเหมือนเดิม ใช้เวลานานไหมในการรักษา และอื่นๆ อีกมากมายที่บทความนี้พร้อมให้คำตอบที่ช่วยคลายข้อสงสัยให้กับทุกคนที่มีปัญหารอยสิว

รอยสิว คืออะไร
รอยสิว รอยดำสิว คือ ผิวหนังที่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากการอักเสบจากการเป็นสิว เช่น สิวอักเสบ สิวหัวช้าง เมื่อสิวหายแล้วผิวจะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง โดยหลังจากกระบวนการฟื้นฟูจะเกิดเป็นรอยเป็นสีดำ หรือรอยสีแดง ลักษณะเป็นรอยที่เรียบเนียนไปกับผิวหนัง ไม่มีแผล หรือเป็นหลุมลึกลงไป ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งบนใบหน้า บริเวณหลัง หรือบริเวณหน้าอกได้ด้วยเช่นกัน

1. รอยแดง (Post-Inflammatory Erythema)

รอยแดงจากสิว

รอยแดงของสิว (Post-Inflammatory Erythema) เป็นหนึ่งในรอยสิวที่มีลักษณะแดง ชมพู ซึ่งเกิดจากการอักเสบในขณะที่เป็นสิว ไปจนถึงการบีบ แกะ เกาสิวจนเกิดการอักเสบขึ้นมา และรอยแดงยังเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังจึงทำให้เกิดรอยแดงขึ้นมาอีกด้วย

2. รอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)

รักษารอยสิวที่หลังภายใน 7 วัน

รอยดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เมื่อเกิดสิวขึ้นบนผิวหนังหรือเกิดการอักเสบ ถ้าหากชอบไปสัมผัส แคะ แกะ เกา หรือสิวมีการอักเสบมากๆ อาจไปกระตุ้นเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ให้ผลิตเม็ดสี (Melanin) มากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยดำสิว ซึ่งมีได้ทั้งสีน้ำตาล สีเทา หรือสีดำ

3. รอยหลุมสิว (Atrophic Scars)

รักษารอยดําจากสิวเร่งด่วน

รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) เกิดจากสิวที่อักเสบ โดยในกระบวนการซ่อมแซมผวหนังที่เกิดจากการอักเสบของร่างกายที่อยู่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง เมื่อซ่อมแซมจนสิวหายแล้ว ผิวก็จะไม่กลับมาเรียบเนียนเช่นเดิม เนื่องจากการอักเสบที่อยู่ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนมาทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้เพียงพอ

รอยสิวเกิดจากสาเหตุอะไร
รอยสิวบนผิวหนังเกิดจากหลายสาเหตุ มีทั้งรอยสิวที่เกิดจากปัจจัยทงธรรมชาติ และเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังนี้
  • สิวบางประเภท เช่นสิวหัวหนอง สิวหัวช้าง สิวซีสต์ เมื่ออักเสบมาก แล้วรักษาไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดรอยสิวได้
  • พฤติกรรมบางอย่างที่เมื่อเป็นสิวแล้วชอบไปสัมผัส แกะ เกา บีบเค้นหัวสิวไม่ว่าจะเป็นกับสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ถ้าหากไปทำบ่อยครั้ง หรือทำให้อักเสบมากขึ้น อาจทำให้เกิดรอยสิวขึ้นมาได้
  • ถ้าหากเป็นสิวแล้วโดนแดดบ่อยๆ แสงยูวี (UV) ในแสงแดดจะทำให้สิวที่เป็นอยู่ เมื่อหายแล้วจะพัฒนากลายเป็นรอยสิวได้
  • การทายาหรือใช้สารเคมีในบริเวณผิวหนังที่เป็นสิว อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดผื่นแพ้บริเวณสิว ซึ่งจะทำให้รอยสิวข้มขึ้นได้เล่นกัน
วิธีรักษารอยสิว
การรักษารอยสิวสามารถรักษาได้หลายวิธีตามความเหมาะสมและความต้องการของผู้ที่รักษารอยสิว ซึ่งแต่ละวิธีมีความแตกต่างออกไป ดังนี้

รอยสิวหายใน 1 อาทิตย์

1. ทาครีมกันแดด
การทาครีมกันแดดถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษารอยสิวที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะครีมกันแดดช่วยป้องกัน UV ที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งใน UV มี UVB ที่เป็นสาเหตุในการกระตุ้นรอยดำรอยแดงจากสิวให้เพิ่มเด่นชัดมากขึ้น การทาครีมกันแดดจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการป้องกันใกล้ตัวที่ใครๆก็สามารถทำได้ และที่สำคัญนอกจากจะครีมกันแดดจะช่วยลดรอยสิวได้แล้ว ยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ป้องกันการเกิดฝ้าอีกด้วย

2. ผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิวถือเป็นการรักษารอยดํารอยแดงจากสิว ด้วยการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเผยเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใส ซึ่งสามารถทำให้รอยสิวค่อยๆ จางลงและดูดีขึ้น ส่วนใหญ่แล้วสารที่ใช้ในการผลัดเซลล์ผิวมักจะเป็นสารกลุ่ม AHA หรือ BHA ที่ทั้งสองจะเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามการผลัดเซลล์ผิวสามารถทำได้ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

3. การฉีดสเตียรอยด์
หากรักษาด้วยตนเองมาหลายครั้งแล้ว แต่รอยสิวไม่หายสักที การฉีดสเตียรอยด์สามารถช่วยรักษารอยสิวได้ โดยแพทย์ฉีดสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ เข้าไปในบริเวณที่เป็นรอยสิว ซึ่งจะทำให้รอยสิวยุบตัวลง ใช้เวลารักษาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว

4. ใช้ยารักษารอยสิว
การใช้ยารักษารอยสิว เป็นการรักษารอยสิวที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยส่วนใหญ่ยาทารักษารอยดํารอยแดงจากสิว จะมีส่วนผสมของ
  • ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่ผิดปกติ
  • เตรทติโนอิน (Tretinoin) ช่วยลดสิวอักเสบ ช่วยลดการเกิดรอยดำสิว
5.รักษาโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมลดรอยสิว
นอกจากการใช้ยารักษารอยสิวแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่สามารถลดรอยสิวได้อย่าง Niacinamide L-Ascorbic Acid และ Vitamin E โดยวิตามินซี และวิตามินอี มีช่วยในการลดริ้วรอย ลดรอยดำสิว ลดรอยแดงสิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.ใช้เลเซอร์ลดรอยสิว
วิธีรักษารอยสิวที่เห็นผลได้เร็วที่สุด คือใช้เลเซอร์ลดรอยดํารอยแดงจากสิว โดยใช้คลื่นพลังงานแสงยิงเข้าไปในบริเวณที่มีรอยสิว จะช่วยกระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง และลดรอยดำรอยแดงสิวให้จางลงได้ ซึ่งมีเลเซอร์หลายหายชนิดให้เลือกตามความสะดวกและเหมาะสม เช่น IPL q-switch Laser pico laser และ dual Yellow Laser

รอยสิวรักษาได้หรือไม่
รอยสิวสามารถรักษาได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยตัวเอง การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จริงแล้วรอยดำรอยแดงสิวสามารถหายเองได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ส่วนการรักษารอยสิว ทั้งการบำรุงผิว ดูแลรักษาด้วยตนเอง หรือใช้วิธีรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้รอยแดง รอยดำจากสิว หรือการอักเสบของผิวหนัง จางลงและหายเร็วขึ้น

รอยสิวกี่วันหาย
สำหรับคนที่มีสิว หรือการอักเสบ แล้วเกิดรอยดำ รอยแดงจากสิว อาจเกิดความกังวลว่ารอยสิวกี่วันหาย? ซึ่งที่จริงแล้วขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลรักษารอยสิวของตนเองเป็นหลัก ถ้าหากปล่อยให้รอยสิวจางลงแล้วหายไปเอง อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน แต่ถ้าหากใช้วิธีดูแลรักษารอยสิวด้วยการบำรุงผิว หรือวิธีการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน

วิธีป้องกันการเกิดรอยสิว

รักษารอยสิวที่หลัง

เมื่อเกิดสิวหรือการอักเสบขึ้น ควรรู้จักวิธีการดูแลรักษาที่ถูกวิธี เพื่อที่จะป้องกันการเกิดรอยดำรอยแดงจากสิวที่บริเวณใบหน้า หรือรอยสิวที่หลังได้ หรือช่วยลดโอกาสที่สิวจะกลายเป็นรอยเข้มขึ้นจนทำให้ขาดความมั่นใจได้ โดยมีวิธีการดูแลป้องกันการเกิดรอยสิวดังนี้

1. งด บีบ แคะ แกะ เกาสิว
คนที่มีสิวหรือมีการอักเสบบนใบหน้า ควรหลีกเลี่ยงการบีบสิว กดสิว แคะ แกะ เกา หรือสัมผัสบริเวณที่มีสิวบ่อยเกิดความจำเป็น เพราะจะเกิดความเสี่ยงที่จะอักเสบเพิ่มเติมจากการลุกลามของเชื้อโรค แบคทีเรียในสิวและเชื้อโรคจากมือ กระจายไปยังผิวหนังบริเวณรอบๆ จนเป็นแผลและรอยดำ รอยแดงสิวตามมาได้

2. ดูแลความสะอาดของผิว
การป้องกันรอยสิวที่ดีที่สุด คือป้องกันไม่ให้เกิดสิว ดังนั้นจึงควรใส่ใจความสะอาดของผิวไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้าหรือตามร่างกาย หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิว เช่น หลีกเลี่ยงการอุดตันที่ผิวจากเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกต่างๆ หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด หลีกเลี่ยงอาการแพ้ หลีกเลี่ยงความเครียด เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรบำรุงผิวอยู่เสมอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง

3. รักษาสิวให้ถูกวิธี
เมื่อเกิดสิวขึ้น ควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาให้ถูกวิธี ถ้ารักษาด้วยตัวเองควรศึกษาตัวยารักษาสิวก่อนใช้อย่างละเอียด หรือปรึกษาวิธีใช้ยาจากเภสัชกร ส่วนวิธีที่ดีที่สุดคือการรักษาสิวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะป้องกันรอยดำ รอยแดงสิว ที่อาจเกิดขึ้นได้

4. หลีกเลี่ยงแสงแดด
เมื่อเป็นสิวควรที่จะหลีกเลี่ยงการโดนแดดหรือใช้ครีมกันแดด เนื่องจากในแสงแดดมี UV ที่จะเข้าไปกระตุ้นผิวให้สร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้บริเวณที่เป็นสิวอาจมีสีที่เข้มขึ้นจนกลายเป็นรอยสิวได้ ส่วนครีมกันแดดควรเลือกใช้ชนิดที่ไม่อุดตัน หรือสูตรสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ

ข้อสรุป
รอยสิว มีทั้งรอยดำสิว และรอยแดงสิว ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติหลังจากการเป็นสิว เนื่องจากการตอบสนองของร่างกาย และอาจเกิดได้จากพฤติกรรมของคนที่เป็นสิว ถ้าหากมีพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยสิว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดรอยดํารอยแดงจากสิวชัดเจนมากขึ้น

แต่ถ้าหากดูแลตัวเองในขณะที่เป็นสิวดี ไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยสิว หรือรักษาสิวอย่างถูกวิธี ไม่ปล่อยให้เป็นสิวนานหรืออักเสบมากขึ้น โอกาสเกิดรอยสิวก็จะน้อยลงไปด้วย อย่างไรก็ตามรอยสิวสามารถหายเองได้แต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน หรือสามารถดูแลรักษาควบคู่ไปด้วยรอยดํารอยแดงจากสิวก็จะหายเร็วขึ้น
 รอยสิว รอยดำ คืออะไร? รักษารอยสิวเร่งด่วนอย่างไรให้หายขาด
 iBeauty Forums | เว็บบอร์ดความงาม เคล็ดลับความงาม เว็บบอร์ดเครื่องสำอาง ผิว แฟชั่น นวด สปา
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount