
ในทุกวันนี้ปัญหาที่เกี่ยวกับสายตามีอยู่หลายประเภท เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีวิธีการแก้ไขปัญหาได้ด้วยการใส่แว่นสายตา หรือการใส่คอนแทคเลนส์ แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นั่นคือ ?การทําเลสิค (LASIK)?
ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักเรื่องของการทําเลสิค (LASIK) ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ที่กำลังสนใจอยากเลสิคได้พิจารณาก่อนว่าควรทำดีไหม เลสิคคืออะไร เลสิคที่ไหนดี เลสิคแบบไหนดี?
เลสิค
เลสิค (LASIK) คือ การผ่าตัดด้วยด้วยเลเซอร์เพื่อแก้ปัญหาภาวะสายตาผิดปกติ ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง ได้อย่างถาวร และเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเป็นการรักษาที่มีความแม่นยำและมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยการใช้เลเซอร์ที่เรียกว่า เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นสั้นในระดับอัลตราไวโอเลตไปปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาให้มีความโค้งอย่างเหมาะสมเพื่อกลับมามองได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
ทำเลสิคมีประโยชน์อย่างไร

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องของการทําเลสิคมีกี่แบบ ? เราอยากให้ทุกคนรู้ก่อนว่าทําเลสิคมีประโยชน์อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
1. แก้ปัญหาสายตาสั้น
ทําเลสิคสามารถแก้ปัญหาสายตาสั้นได้ โดยจะใช้เลเซอร์เพื่อทำการปรับรูปร่างของกระจกตาให้ได้ตามค่าสายตาที่ต้องการ โดยหลังจากเลสิคเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ผู้ที่ทําเลสิคจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในระยะไกลได้อย่างชัดเจน
2. แก้ปัญหาสายตายาว (โดยกำเนิด)
การทําเลสิคสามารถแก้ปัญหาสายตายาวโดยกำเนิดได้เช่นกัน ซึ่งใช้เลเซอร์ตาปรับที่ด้านข้างกระจกตาที่แบน ให้ได้ความโค้งเท่าค่าสายตาที่ปกติ สามารถหักเหแสงได้ดีขึ้น โดยหลังจากการทําเลสิคจะสามารถมองเห็นวัตถุรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น
3. แก้ปัญหาสายตาเอียง
การทําเลสิคสามารถแก้ปัญหาสายตาเอียงได้ ซึ่งใช้วิธีการนำเลเซอร์ยิงไปที่กระจกตาเพื่อปรับความโค้งและทำให้กระจกตาเท่ากัน โดยผลลัพธ์หลังจากเลสิคจะทำให้ผู้ทําเลสิคมองระยะไกล ๆ ได้ชัดเจน ไม่เห็นเป็นภาพซ้อน หรือเงา
เลสิคมีกี่แบบ

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สนใจเรื่องของการเลสิค และสงสัยว่าเลสิคมีกี่แบบ ? สามารถหาคำตอบได้จากในหัวข้อนี้เลยค่ะ ซึ่งในปัจจุบันการทําเลสิคมีอยู่ 5 ประเภท ดังนี้
1. ReLEx SMILE
ReLEx SMILE หรือ เลสิค ReLEx คือการทําเลสิคสมัยใหม่ที่มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูง (Femtosecond Laser) มาใช้ในการผ่าตัดแบบใบมีด ซึ่งมีจุดเด่นก็คือไม่ทำให้รู้สึกเจ็บตอนที่ผ่าตัด แผลเล็ก หายไว
เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1,000 และสายตาเอียงไม่เกิน 500 หรือมีภาวะสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียงก็สามารถทำได้เช่นกัน
2. Bladeless FemtoLASIK
Femto Lasik เป็นการเลสิคแบบไร้ใบมีด โดยการใช้ femtosecond laser รุ่น Visumax เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา
ซึ่งเลสิคfemtoมีจุดเด่นในเรื่องของความแม่นยำสูง และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นอยู่ระหว่าง 100 - 1,000 หรือมีค่าสายตาเอียง 600
3. MicrokeratomeLASIK
Microkeratome Lasik เป็นการใช้ใบมีดอัตโนมัติในการผ่าตัดแยกชั้นกระจกตา แล้วค่อยใช้เลเซอร์ยิงเพื่อแก้ไขความผิดปกติของสายตาภายหลัง
มีจุดเด่นคือ พักฟื้นไม่นาน ระคายเคืองตาน้อย ราคาถูก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นไม่เกิน 1,200 - 1,300 และผู้มีค่าสายตาเอียงไม่เกิน 500
4. การทำ PRK (Photorefractive Keratectomy)
เลสิคprk คือการกำจัดเยื่อบุผิวบนกระจกตาออก แล้วใช้ Excimer laser ยิงเพื่อปรับรูปร่างของกระจกตา
โดยมีจุดเด่นคือผลข้างเคียงค่อนข้างน้อยและไม่มีการเย็บแผล และเหมาะกับผู้ที่ตาแห้ง หรือกระจกตาบาง รวมถึงผู้ที่สายตาสั้นไม่เกิน 500 และสายตาเอียงไม่เกิน 200
5. การทำ ICL (Implantable Collamer Lens)
การทําเลสิค ICL คือการที่จักษุแพทย์จะเปิดแผลที่กระจกตา จากนั้นจะนำเลนส์เสริมบางชนิดถาวร พับได้ใส่เข้าไปในดวงตา มีจุดเด่นคือมีภาวะแทรกซ้อนน้อย ไม่ก่อให้เกิดแสงกระจาย เมื่อต้องใช้สายตาเวลากลางคืน และนำเลนส์เสริมออกได้ตลอด
เหมาะกับผู้มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1,800 และสายตาเอียงไม่เกิน 600 รวมถึงผู้ที่ตาแห้ง และมีกระจกตาบาง
ข้อจำกัดการทำเลสิค
การรักษาผู้ที่ต้องการแก้ไขค่าสายตาถาวรด้วยวิธีเลสิคยังมีข้อกำจัดกับบางโรคหรือบางอาการที่ไม่สามารถทำการรักษาได้ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อต่างๆ จอตาประสาทเสื่อม
- ผู้ที่มีอาการตามีอาการแห้งอย่างรุนแรง รวมทั้งผู้ที่มีแผลบริเวณกระจกตา หรือกระจกตาบาง
- ผู้ที่มีโรคที่มีผลต่อการหายของแผล เช่น โรคเบาหวาน SLE
- ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีสายตาคงที่เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
- ผู้ที่ไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่ไม่มีโรคของกระจกตาหรือโรคเกี่ยวกับตาอย่างอื่นที่รุนแรง เช่น ตาแห้งอย่างรุนแรง จอประสาทตาเสื่อม หรือกระจกตาบางเกินไป
- ผู้ที่มีปัญหาต่อการใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์

1. ศึกษาข้อมูลและนัดปรึกษากับแพทย์
ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทําเลสิคโดยละเอียด เพื่อที่จะสามารถเลือกวิธีการเลสิคที่เหมาะกับตนเองได้มากที่สุด รวมถึงสถานประกอบการที่จะเข้าไปใช้บริการว่าสะอาดและน่าเชื่อถือหรือไม่จากนั้นค่อยนัดปรึกษากับแพทย์
2. การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
- หากเป็นผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม ควรถอดอย่างน้อย 3 วัน ส่วนผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง ควรถอดอย่างน้อย 7 วัน
- ควรแจ้งจักษุแพทย์ ถ้ามีการใช้ยาเป็นประจำอยู่
- ควรเตรียมแว่นกันแดด และพาผู้ดูแลมาด้วย ในวันที่ต้องตรวจประเมินสายตา
- งดการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลา 3 สัปดาห์
- งดทาน้ำหอม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่าง ๆ ก่อนเลสิค
- งดทำผม หรือใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงเส้นผม
- งดดื่มกาแฟ หรือชา
- ควรพาผู้ดูแลมาด้วย
- เตรียมค่าใช้รักษาและค่าผ่าตัดให้พร้อม
- หากพบความผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับร่างกาย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ควรพกแว่นตากันแดด

1.ขั้นตอนแรกของการทําเลสิค แพทย์จะทำการยึดเปลือกตาด้วยการใช้เครื่องมือ จากนั้นจะหยอดยาชาลงบนดวงตา
2.แพทย์จะทำการแยกชั้นกระจกตา
3.จากนั้นแพทย์จะใช้ Excimer laser เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา
4.แพทย์จะนำชั้นกระจกตาลงมาปิดที่บริเวณเดิม
การปฏิบัติตัวหลังจากทำเลสิค
เพื่อความปลอดภัยของดวงตาหลังการผ่าตัด รวมถึงลดอาการเสี่ยงที่จะมีผลที่จะตามมาในภายหลังการทำเลสิค จึงควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์
อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด
อาการข้างเคียงที่มักจะเกิดหลังผ่าตัดอาจจะมีการเคืองดวงตา ปวดดวงตา หรือมีอาการน้ำตาไหล และรวมไปถึงดวงตาสู้แสงไม่ได้ หรือมีอาการตาพร่า ตามัวเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะหายไปเองตามอาการ
วิธีดูแลตนเองสำหรับหลังผ่าตัดทันที
- งดใช้สายตาเป็นเวลานานๆ โดยเป็นระยะเวลา 1 วัน เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองตาได้ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- ใส่ที่ครอบตา โดยห้ามถอดออกเป็นอันขาด เพื่อป้องกันการขยี้ดวงตา
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองหรือควันบุหรี่ และน้ำเข้าดวงตา เป็นเวลาประมาณ 7 วัน
- สวมแว่นกันแดดทุกๆครั้งเมื่อต้องออกไปที่โล่งแจ้งหรือที่มีแสงจ้า
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น การมองเห็นมีปัญหา ตาแดง ต้องรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที
- ระคายเคืองดวงตา แสบตา น้ำตาไหล หรือตาแห้ง อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดเลสิค และส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วตามลำดับ
- ตาพร่ามัว มีอาการมองเห็นไม่ชัด เมื่อแผลหายดีแล้วดวงตาจะสามารถกลับมามีการมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนเดิม
- มองเห็นแสงกระจายเป็นแฉก หรือมองไม่ชัดในระยะไกล ซึ่งอาการเหล่านี้มีโอกาสเป็นประมาณ 1-3 เดือน และมักจะหายไปเองในที่สุด
- ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะในช่วงกลางคืนลดลง
- เกิดอาการผิดปกติอื่นๆหรือเกิดอาการติดเชื้อ หากถ้ารู้สึกตัวพบความผิดปกติแล้วควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที
การเลือกว่าจะรับเข้าการรักษาเลสิกที่ไหนเป็นเรื่องที่สำคัญต่อตัวอย่างเราเป้นอันดับแรก ดังนั้นในเบื้องต้น ควรจะเลือกโรงพยาบาลหรือสถานที่ทำเลสิคที่สะอาด ได้มาตรฐานที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผ่าตัดแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติโดยตรง ซึ่งยังมีปัจจัยอื่นๆนอกจากนี้มาใช้พิจารณา ดังนี้
- มีการทำงานที่อยู่ภายใต้มาตรฐานที่มีความปลอดภัยและได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีแพทย์เฉพาะทางดวงตาในการผ่าตัดแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติเพื่อความปลอดภัยต่อการรักษา
- มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์เครื่องมือที่มีความทันสมัย โดยเฉพาะเครื่องเลเซอร์ที่เป็นปัจจัยสำคัญของการรักษา
- ราคามีความเหมาะสมต่อการเข้ารักษา
- มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาได้อย่างละเอียดครบถ้วน ดูแลเอาใจใส่จนหลังเข้ารับการรักษา
ในหัวข้อนี้เราได้ทำการรวบรวมราคาเลสิคเอาไว้ให้คุณแล้ว ซึ่งการเลสิคราคาเท่าไหร่กันบ้าง ตามมาดูกันค่ะ
- ReLEx SMILE ราคาอยู่ที่ 86,000 - 100,000 บาท
- Bladeless FemtoLASIK ราคาอยู่ที่ 60,000 - 120,000 บาท
- Microkeratome Lasik ราคาอยู่ที่ 38,000 - 50,000 บาท
- PRK (Photorefractive Keratectomy) ราคาอยู่ที่ 33,000 - 50,000 บาท
- ICL (Implantable Collamer Lens) ราคาอยู่ที่ 150,000 - 200,000 บาท
เพราะดวงตามีเพียงคู่เดียวดังนั้นแล้วการจะตัดสินใจทำเลสิคเพื่อรักษาแก้ไขค่าสายตาอย่างถาวรและยังช่วยเสริมบุคลิกภาพ ดังนั้นจึงควรศึกษาอย่างละเอียดและต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และหลังจากการเข้ารักการรักษาแล้วก็ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่างครัดเพื่อให้ดวงตาสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างชัดเจนอีกครั้งและมีผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด ทั้งนี้เะื่อเป็นผลประโยชนืโดยตรงต่อคนรักษาเอง