ก่อนอื่นเราควรทราบก่อนว่า สิว เกิดจากการที่มีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่ในรูขุมขน จนเกิดการอักเสบ หรือเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ก่อให้เกิดสิว และเมื่อเกิดการอักเสบขึ้นทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวเกิดการบวมแดง หรืออาจเกิดเป็นหนองขึ้นได้ และเมื่อสิวยุบหรือหายแล้วก็จะทิ้งรอยสิวไว้นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดรอยสิวมากขึ้น และทำให้รักษายากขึ้นอย่างเช่น การแกะสิว บีบสิว ทำให้สิวยิ่งมีการอักเสบหนักขึ้น จนทิ้งรอยสิวไว้ได้มากขึ้นนั่นเอง
รอยสิว ที่เกิดขึ้นมี 2 ชนิดคือ รอยดำ และ รอยแดง ทั้งสองรอยสิวนี้มีความแตกต่างกันดังนี้
1. รอยดำจากสิว
รอยดำจากสิวมักจะเกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบยุบแล้ว ดังนั้นถึงจะรักษาสิว ลดสิวลงได้ก็ไม่ได้หมายความว่าผิวจะหายเรียบเนียนเช่นเดิม เพราะยังมีรอยดำจากสิวที่เป็นปัญหาให้ต้องแก้ โดยเมื่อเราเป็นสิว เนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวจะถูกทำลาย ทำให้ร่างกายต้องสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังขึ้นมาใหม่ ในระหว่างนี้มักจะมีการสร้างเม็ดสีขึ้น จนทำให้เกิดรอยดำเมื่อสิวอักเสบหายดีแล้วนั่นเอง
นอกจากนี้ระหว่างเป็นสิว หากมีการสัมผัสกับแสงแดดก็จะเป็นตัวเร่งให้เกิดรอยดำจากสิวชัดขึ้นอีกด้วย
2. รอยแดงจากสิว
รอยแดงจากสิวจะเกิดขึ้นในช่วงที่สิวกำลังอักเสบ เมื่อผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวอักเสบขึ้นก็จะทำให้เกิดรอยแดงขึ้นได้ หรืออาจเกิดจากการกดสิว บีบสิว แกะสิว ทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดสิวช้ำและเกิดรอยแดงขึ้นมา
โดยปกติแล้วรอยสิวสามารถจางลงได้เองตามธรรมชาติ จากการผลัดเซลล์ผิว แต่มักจะใช้เวลาค่อนข้างนานหลายเดือนกว่ารอยสิวจะจางลง ดังนั้นจะดีกว่าไหมหากมีวิธีที่รักษารอยดำจากสิว รักษารอยแดงจากสิวได้เร็วขึ้น ดังนั้นมาดูถึง 7 วิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมกันเลย
7 วิธีรักษา รอยดำ รอยแดงจากสิว
1. สครับหน้า
การสครับหน้าทำไมถึงสามารถลบรอยสิวได้ เพราะการสครับใบหน้าเป็นการช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว โดยเมื่อเซลล์ผิวเก่าหลุดออกก็จะทำให้มีเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้น เมื่อเซลล์ผิวเก่าที่เป็นรอยดำจากสิวหลุดออกก็จะส่งผลให้ลดรอยสิวลงได้นั่นเอง
นอกจากการสครับหน้าจะช่วยลดรอยดำจากสิวได้แล้วยังช่วยลดการอุดตันรูขุมขนจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือแม้กระทั่งสิ่งสกปรกลดลงด้วย จึงทำให้เกิดสิวได้ยากขึ้น
2. ปกป้องผิวจากแสงแดด
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าแสงแดดก็มีส่วนที่ทำให้รอยดำจากสิวเกิดขึ้นชัดเจนขึ้นจากการไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสี ดังนั้นควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดด เพื่อไม่ให้ผิวที่เกิดสิวเกิดเป็นรอยดำและรอยแดงจากสิวเข้มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในผู้ที่เป็นสิวง่ายควรระมัดระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด เนื่องจากครีมกันแดดมักจะมีน้ำมันมาก และมักจะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน จนก่อให้เกิดสิวซ้ำขึ้นมาได้นั่นเอง ดังนั้นเราขอแนะนำ BIODERMA PHOTODERM AQUAFLUIDE SFP50+ ครีมกันแดดเวชสำอางที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื้อครีมกันแดดเป็นสูตรน้ำนม ทำให้เกลี่ยง่ายสบายผิว และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Sun Active Defense Ectoin และ Mannitol ปกป้องพร้อมส่งเสริมการทำงานภูมิคุ้มกันในเซลล์ผิวให้ต้านทานอนุมูลอิสระได้สูงขึ้นถึง 84% เลยทีเดียว จึงช่วยลดรอยดำจากสิว และจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดดได้
เห็นสิวบวม ๆ บนหน้าใครเล่าจะอดใจไหว เชื่อว่าหลายคนมักมีพฤติกรรมบีบสิวและชอบแกะสิว แต่รู้ไหมว่าการที่เราไปกดสิว บีบสิวนั้นไม่ได้ช่วยรักษาสิว หรือลดสิวลงได้เลย แถมยังทำให้สิวเกิดการอักเสบมากขึ้น จนเมื่อสิวอักเสบยุบหรือหายไปนั้นก็จะเกิดรอยสิวขึ้นมาแทน ดังนั้นหากหักห้ามใจไม่บีบหรือกดสิวได้ นอกจากจะทำให้การอักเสบของสิวลดลง เมื่อผิวอักเสบลดลงก็จะสามารถลดรอยแดงจากสิวได้ แล้วยังช่วยลดรอยดำจากสิวที่จะเกิดตามมาทีหลังได้อีกด้วย
4. มาร์คหน้าก่อนนอน
ในปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเรื่องรักษารอยแดงจากสิว รอยดำจากสิวได้ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยสิวได้นั่นก็คือมาร์คหน้านั่นเอง ในผลิตภัณฑ์มาร์คหน้ามักจะมีส่วนผสมของสารสกัดหรือสารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นกว่าครีมทาหน้าปกติ จึงทำให้ผิวที่ได้รับการมาร์คหน้าได้รับสารสกัดอย่างเต็มที่ ผิวจึงกลับมาใส รอยดำรอยแดงจากสิวลดลงนั่นเอง
และอีกหนึ่งในประโยชน์ของการมาร์คหน้าคือการเติมน้ำให้ผิว ผิวจึงไม่ขาดน้ำ และเมื่อผิวชุ่มชื้นจะช่วยให้ความมันบนในหน้าลดลง ซึ่งความมันบนใบหน้าก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวและรอยสิวในอนาคตนั่นเอง
5. เลเซอร์
หนึ่งในวิธีรักษารอยดำจากสิวที่ให้ผลเร็ว นั่นก็คือการเลเซอร์สิวนั่นเอง โดยการทำเลเซอร์รักษารอยแดงจากสิว รอยดำจากสิวนั้นจะอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนัง หลักการรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์สิวคือการใช้แสงเลเซอร์ที่มีความร้อน และสามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีใต้ผิวหนัง เมื่อเม็ดสีที่เกาะกลุ่มกันถูกทำลายก็จะทำให้รอยสิวดูจางลง แต่อย่างไรก็ตามการรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นหลังการทำเลเซอร์ เช่น ผิวอักเสบ หรือเกิดรอยดำหนักกว่าเดิม
6. ทานผลไม้ที่มีวิตามิน
วิธีรักษารอยสิวด้วยธรรมชาติเลยก็คือการรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินนั่นเอง เมื่อร่างกายได้รับวิตามินที่เพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟู ซ่อมแซมผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหนึ่งในนั้นคือการลดรอยสิวนั่นเอง โดยวิตามินที่มีฤทธิ์สำคัญ ช่วยในเรื่องผิวพรรณ เช่น วิตามินเอ ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวและรอยสิว วิตามินอีที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดรอยสิว และเสริมสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง หรือคอลลาเจนได้อีกด้วย
7. ทำความสะอาดใบหน้า ผลัดเซลล์ผิว
รอยสิวมักเกิดจากสิวอักเสบที่หายแล้ว แต่สิวอักเสบที่นอกจากจะเกิดจากฮอร์โมนแล้วก็มักจะเกิดจากการที่ใบหน้าเรามีสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน หรือเกิดจากเซลล์ผิวบนหน้าตายแล้วไปอุดตันรูขุมขน จนกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศให้กับแบคทีเรียนั่นเอง ดังนั้นหากต้องการลดรอยสิวก็ต้องเริ่มจากการลดสิว และการที่ใบหน้าสะอาดไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างก็จะช่วยให้การเกิดสิวยากขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวได้อีกด้วย เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิวก็จะช่วยลดรอยสิวนั่นเอง เราขอแนะนำ BIODERMA SEBIUM GEL MOUSSANT เจลทำความสะอาดผิวหน้าที่ล้ำลึกแต่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ด้วยส่วนประกอบจากซิงค์ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียและคุมความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากใบแปะก๊วยลดผิวการระคายเคือง เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสม และผิวเป็นสิวง่าย
