ฟิลเลอร์ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์ คือสารเติมฟิลเลอร์ มากมายที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผิวหนังของคนเราตามธรรมดาฟิลเลอร์ ใช้ในการฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยต่างๆอันเกิดจากคอลลาเจนและ Hyaluronan ใต้ผิวที่เสื่อมสลายไปตามยุค ฟิลเลอร์จากการผลิตที่ถูกและได้เกณฑ์จะมีความบริสุทธิ์สูง เพราะไม่ได้ผลิตจากสัตว์ โอกาสแพ้น้อยมาก และสามารถสลายฟิลเลอร์ได้เองตามธรรมชาติ
เห็นผลเมื่อไร
สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ และคงอยู่ได้ยาวนานฟิลเลอร์ 8-12 เดือน
สามารถเอาออกได้หรือไม่
ฟิลเลอร์จะเสื่อมสลายไปเองตามธรรมชาติ โดยไม่เหลือตกค้างในร่างกาย ในกรณีที่ต้องการเอาฟิลเลอร์ออกก่อนสลายเอง ทำได้ฉีดสาร Hyaluronidase ที่ใช้สลายฟิลเลอร์ได้
ผลใกล้กัน
ผิวหนังอาจแดง บวม อาจมีอาการคัน หรือปวด มีจ้ำเลือด หรือลูบได้เป็นก้อนใต้ผิวหนังฟิลเลอร์ โซนที่ฉีดยา บางรายอาจพบรอยด่างหรือผิวหนังมีสีที่เป็นอื่น (Discolouration) บริเวณที่ฉีดยา ซึ่งอาการต่างๆเหล่านี้จะสามารถหายไปได้เอง
ข้อจัดการหลังการฉีดฟิลเลอร์
ควรหลบเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหลังฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมงแต่แรก
หลังฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก การสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า การออกแดดจัด เนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่คงรูป อาจทำให้การฉีดไม่ได้คุณประโยชน์เท่าที่ควร และอาจทำให้ฟิลเลอร์หย่อนคุณภาพเร็วขึ้น
หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2-3 วัน ควรเว้นดื่มแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงการกินยาแก้ปวดประเภท NSAIDs เช่น Ibuprofen aspirin วิตามินอี แป๊ะก็วย ฯลฯ เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมหรือจ้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ไ ด้
งดการนวดหน้า ลอกหน้า กรอผิว การทำ AHA ทรีทเมนต์และการทำเลเซอร์ทุกชนิด หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพทันทีขึ้น
หลังการฉีดฟิลเลอร์บริเวณริมฝีปาก ควรงดการฟิลเลอร์ ดูดบุหรี่ การใช้หลอดดูดน้ำ การใช้ริมฝีปากขบเม้ม 1-2 สัปดาห์
หลังการฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำมากๆ เนื่องจากสาร HA มีคุณลักษณะอุ้มน้ำ จะช่วยให้ความสามารถการเติมเต็มดีขึ้น
ผู้ที่ควรหลีกการฉีดฟิลเลอร์
คนที่มีปฎิกิริยาแพ้ต่อสาร hyaluronic acid
ผู้ที่กำลังรับการรักษาพยาบาลด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
หญิงมีครรภ์และให้นมบุตร
ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูนคีลอยด์ได้ง่าย
ควรหลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ควบคู่กับการทำเลเซอร์ที่ทำให้เกิดแผลหรื อการลอกฟิลเลอร์ ผิวหน้าในบริเวณที่ฉีด
ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่ผิวหนังมีการอักเสบ หรือมีการติดโรค
เดอซีเคร็ท คลินิก ได้เฟ้นหาฟิลเลอร์ที่มีคุณลักษณะฟิลเลอร์ จากฟิลเลอร์ สวีเดนและฟิลเลอร์ สหรัฐอเมริกา ผ่านการการันตีจากองค์การอาหารและยาทั้งต่างประเทศและในเมืองไทย ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และความชำนาญจบด้านหนังจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์มีสวัสดี และได้ความสวยงามอย่างที่คุณต้องการ
ใหม่ แต่ต้องตรวจสอบก่อนฉีดทุกครั้ง
หลังจากที่ตกเป็นข่าวดังทอร์คออฟเดอะทาวน์ สั่นสะเทือนวงการความงามของไทยกับเรื่องสาวพริตตี้ฉีดฟิลเลอร์ที่บั้นท้ายจนถึงแก่ชีวิต ทำให้สังคมเกิดคำถามในสารที่เรียกว่าฟิลเลอร์ว่า เป็นสารชนิดใดและมีความปลอดภัยฟิลเลอร์เพียงไร รวมทั้งมีปัจจัยที่ต้องระวังก่อนที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจฉีดสารชนิดนี้
ฟิลเลอร์ คือสารที่นำมาฉีดเติมเต็มใต้ผิวหนัง ล่าสุดฟิลเลอร์ มีสารหลายชนิดที่ได้รับการรับรองทางการคุณหมอ และถูกนำมาใช้มากที่สุดคือ สารไฮยาลูรอนิก แอสิด (Hyaluronic Acid) และการฉีดไขมันตัวเอง (Fat Transfer) ซึ่งสารไฮยาลูรอนิก เป็นที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายทั่วโลกมากกว่าสารอื่นๆ เพราะผ่านกฏเกณฑ์การรับรองความมั่นคงจากคณะกรรมการอาหารและยาในการใช้
โดยการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนิกนี้จะมีลักษณะโมเลกุลคล้ายกับสารไฮยาลูรอนิกในร่างกายคน และเนื่องจากไม่ใช่เป็นคอลลาเจนที่ผลิตมาจากสัตว์ โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองมีน้อย โดยสรรพคุณของสารไฮยาลูรอนิกมีอายุเกือบ 8-12 เดือน แล้วจะค่อยๆสลายไปตามธรรมชาติ โดยไม่มีร่องรอยใดๆทิ้งไว้ ซึ่งนับเป็นจุดดีของฟิลเลอร์เพราะหากมีข้อพลั้งเผลอหรือผู้ที่ฉีดไม่พอใจเมื่อเวลาผ่านไปฟิลเลอร์ที่ฉีดไว้ก็จะค่อยๆแฟบตัวและหมดไปเอง
ฟิลเลอร์เก๊?ตัวการความเสี่ยง
ปัจจุบันสาร Hyaluronic Acid หรือบางคนเรียกย่อๆว่า HAถือว่าเป็นมาตรฐานในการฉีดฟิลเลอร์ มีความไม่เป็นอันตรายสูงกว่าเมื่อเทียบกับสารตัวอื่นๆ จะมีราคาสูงกว่าพอสถานประมาณ เพราะเหตุที่มีราคาค่อนข้างมีราคานี้เองจึงทำให้คลินิกเถื่อนหรือหมอกระเป๋าซึ่งแข่งขันในด้านมูลค่า จึงพยายามนำสารอย่างอื่นมาใช้แทน ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก สำหรับสารที่ต้องระวัง ได้แก่
1.สารไม่ปลอดเชื้อที่ห้ามใช้ทางการแพทย์ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือน้ำมันอื่นๆ
2. สารที่ถูกผลิตมาใช้ฉีดอย่างปลอดเชื้อ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับ Hyaluronic Acid เพราะเป็นเนื้อเจลใส หากดูด้วยตาไม่สามารถแยกจากสารHyaluronic Acid ได้เลย จึงต้องระมัดระวังมาก เช่น คอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์,polyacrylamide , polyamide หลายประเทศมีการนำมาฉีดอย่างแพร่หลายรวมทั้งตามคลินิกฟิลเลอร์ ในเมืองไทย เพราะมีราคาถูกกว่าสาร HA หลายเท่าตัว และยังคงทนอยู่นานถาวร มีปัญหาแล้วสลายไม่ได้ สารเหล่านี้ไม่ผ่าน อย. เพราะความปลอดภัยไม่เพียงพอ มีโอกาสเกิดฟิลเลอร์ ปฏิกิริยากับผิวหนังได้สูง
สารทั้งสองประเภทนี้เมื่อฉีดเข้าไปในเรือนร่างซึ่งเป็นสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่เห็นด้วย จะทำให้เกิดอาการบวมแดง อักเสบ เนื้อตายอย่างถาวร เกิดปัญหาไหลย้อย บิดเบี้ยว เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว สารที่ว่านี้ยังไหลไปบริเวณข้างเคียงทำให้ผิดรูปร่าง เกิดเป็นก้อนปุ่มๆ ป่ำๆหรืออาจไหลเลื่อนไปส่วนอื่นได้ สารอันตรายนี้จะอยู่ในร่างกายได้นานโดยไม่มีการสลายตัว ไม่สามารถฉีดสลายได้เลยจึงทำให้แก้ไขได้ยากมาก
ตรวจดูก่อนฉีด
หัวใจสำคัญที่ผู้บริโภคต้องรำลึกก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบมี 3 ประการคือ
1.สารที่ฉีด ต้องแน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ใช่สารอื่นที่หลอกว่าเป็นฟิลเลอร์ หรือเป็นฟิลเลอร์ราคาถูกที่มีขายตามเวปไซด์หรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดเวลา ไม่ได้คุณภาพ และดูภายนอกอาจจะไม่แตกต่าง ต้องอาศัยความเขี่ยวขาญและความน่าเชื่อถืออื่นๆมาประกอบกัน
2.คนฉีด เพราะการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นอย่างมากที่แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ทางกายวิภาคอย่างเชี่ยวชาญ มีเทคนิคการฉีดต้องถูกต้องเหมาะสม มีการประเมินทรวดทรงว่าบริเวณใดต้องฉีดมากน้อยเพียงใด และฉีดสารในชั้นผิวหนังที่ตรงเผง ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเมื่อฉีดสารเข้าไปย่อมมีโอกาสเสี่ยงในการที่จะไปโดนเส้นโลหิตหรือบริเวณอื่นที่ไม่ต้องการ นำมาซึ่งผลร้ายที่อาจถึงแก่ชีวิตหรืออาจเกิดภาวะสอดแทรกต่างๆได้
3.สถานที่ฉีด ต้องฉีดในฟิลเลอร์ คลินิกที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีเครื่องมือช่วยชีวิตยามเร่งด่วน
ฉีดฟิลเลอร์ส่วนไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีสรรพคุณเด่น 2 ประการคือ การเติมร่องริ้วรอยให้ตื้นขึ้น และ การเพิ่มปริมาตรเนื้อเยื่อในส่วนต่างๆของร่างกาย โดยการเติมร่องริ้วรอยทั้งร่องแก้ม ใต้ริมฝีปาก หัวคิ้ว และใต้ตาล่าง ส่วนการฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่อจะช่วยในการปรับรูปร่างใบหน้าให้สวยเข้ารูปได้ขนาดมากยิ่งขึ้นได้แก่ การฉีดเสริมจมูก คาง แก้ม ขมับ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในส่วนที่เป็นบริเวณกว้าง เช่น สะโพกซึ่งมีพื้นที่มากไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ ด้วยความจำกัดด้านราคาของฟิลเลอร์ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากหากฉีดในบริเวณกว้าง และโอกาสที่จะดูแลให้ฟิลเลอร์คงรูปร่างตามที่ต้องการเป็นไปได้ยากเพราะพื้นที่เยอะ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกหลอกนำสารที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์จริงมาฉีดให้
เสริมสะโพกด้วยวิธีอื่นได้ผลดีกว่า
ผู้ที่อยากจะเสริมสะโพกแบบปลอดภัยมีทางเลือกอื่น
1.เสริมบั้นท้ายโดยใช้แผ่นและถุงซิลิโคน ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน แต่ต้องทำโดยหมอศัลยกรรมตกแต่งผู้มีความมีฝีมือฟิลเลอร์ ใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน และมีแผลจากการผ่าตัด
2.เสริมสะโพกโดยใช้ไขมันตัวเอง (Fat Transfer)โดยดูดไขมันส่วนเกินจากหน้าท้องและต้นขา มาผสมกับเซลล์ต้นกำเนิด(เสต็มเซลล์) โดยผ่านกรรมวิธีด้านเทคนิคในห้องปฏิบัติงาน แล้วฉีดกลับเข้าไปเสริมสะโพก อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่แพร่หลายนัก เนื่องจากมีค่าใช้สอยสูงมากและต้องทำภายใต้การควบคุมในห้องทดลองเพื่อให้ปลอดเชื้อ ที่สำคัญต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ข้อดีคือไม่มีแผล และไขมันของตนเองไม่เป็นสิ่งปะปนฟิลเลอร์ ในร่างกาย ทำให้ไม่เป็นอันตราย ความเสี่ยงจึงมีน้อยกว่า อย่างไรก็ตามไขมันที่ฉีดเข้าไปมีโอกาสฝ่อตัวลง 20-30% จึงอาจต้องกลับมาเติมใหม่เมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือน หรือมีครั้งเกิดก้อนแข็งของไขมันที่ตายหลังทำได้
การฉีดหรือการนำพาสารแปลกปลอมอื่นเข้าไปในร่างกาย เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคควรให้ความตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงของการทำ ควบคู่ไปกับความสวยที่ต้องการ เมื่อตัดสินใจทำแล้วต้องคำนึงเสมอว่าต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สารหรือวัตถุที่นำเข้าไปในร่างกายต้องผ่านการรับรองความไม่เป็นอันตราย โดยทำในคลินิกฟิลเลอร์ ที่ได้รับอนุญาต อย่าลืมพิจารณาอย่างละเอียดถ้วนถี่ เพื่อให้เป็นความสวยที่อยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงให้น้อยที่สุดนั่นเอง
ในยุคที่การศัลยกรรมลดเลือนริ้วรอย และเสริมส่วนที่ขาดหายอย่าง "ฟิลเลอร์" ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจและให้อานิสงส์อย่างมากมาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันทำให้สาวน้อยสาวใหญ่หลายคน เริ่มที่จะให้ความสนใจและอยากจะฉีดฟิลเลอร์เหมือนกับใคร ๆ บ้าง ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มร่องลึก หรือเสริมจมูก เสริมอวัยวะต่าง ๆ ก็ตาม
แต่สาว ๆ รู้ไหมคะว่า แม้ว่าเทคโนโลยี ฟิลเลอร์ จะเป็นที่ยอมรับและทำให้สาว ๆ ดูสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอย่างไร ก็ยังมีสาว ๆ อีกหลายคนที่เลือกใช้ฟิลเลอร์แบบผิด ๆ ด้วยความที่ไม่มีการศึกษาข้อมูลให้แน่ชัดกันซะก่อนมาแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้ผลการฉีดฟิลเลอร์ออกมาไม่ได้ดั่งใจบ้าง หรือทำให้เกิดผลร้ายบ้างในบางราย ก็เลยขอหยิบยกเหตุเกี่ยวกับฟิลเลอร์ขึ้นมาพูดถึงเสียหน่อย เพื่อเป็นข้อมูลในการพินิจพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ค่ะ
สำหรับ "ฟิลเลอร์" นั้น เป็นการฉีดเสริมส่วนที่ขาดหายไปในชั้นผิวหนัง เช่น รอยแผลเป็นขนาดเล็ก หลุมสิว ร่องแก้ม ตีนกา ให้ดูเต็มและอูมขึ้นมาได้ โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเสริมคอลลาเจน และไฮยาลูรอนแนนใต้หนัง ทำให้ผิวในส่วนที่เป็นร่องลึกลงไป กลับมาลดหย่อนเรียบเนียนเท่ากับผิวบริเวณโดยรอบได้ จึงทำให้ใบหน้าเต่งตึงอ่อนเยาว์ฟิลเลอร์ ขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่ทำให้ฟิลเลอร์น่าหลงใหลไปกว่านั้น คือมันยังใช้ในการเสริมจมูก เสริมแก้มตอบ เสริมคาง และเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มอีกด้วย งานนี้ก็เลยทำให้สาว ๆ สนใจ เพราะเป็นเทคโนโลยีเดียวที่ใช้งานได้สารพัดประโยชน์เลยทีเดียว
แต่ อ๊ะ ๆ ฟังทางนี้ก่อนค่ะสาว ๆ แม้ว่าฟิลเลอร์จะไม่มีอันตราย และสามารถเติมเต็มร่องลึก และเสริมส่วนที่ขาดหายออกมาได้ผลดีเป็นที่พอใจ สำหรับผู้เข้ารับการรักษาหลายราย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ผลดีกับผู้เข้ารับการรักษาทุกรายนะคะ โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมคาง เสริมจมูก ที่หลายคนมักจะเข้าใจกันไปว่า มันจะให้คุณประโยชน์เท่ากับการเสริมจมูกเลยทีเดียว แถมยังไม่ต้องเจ็บตัวอีกด้วย
แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดเลยล่ะค่ะ เพราะการฉีดฟิลเลอร์นั้น เป็นการฉีดสารเข้าไปเพิ่มเนื้อในบริเวณที่ฉีดลงไปเท่านั้น เช่น บริเวณร่องแก้ม หากฉีดฟิลเลอร์ลงไปแล้วก็จะทำให้แก้มดูบวมเต็มขึ้นมาในชาตินี้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะสามารถดัดรูปร่างของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปได้ตามต้องการเลย ดังนั้น สาว ๆ ที่เข้าใจว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูก คาง จะให้ผลดีเท่ากับการผ่าตัดเสริมจมูก เสริมคางนั้น ต้องพิจารณากันใหม่แล้วล่ะค่ะ เพราะเมื่อฟิลเลอร์ไม่สามารถปรับแต่งรูป หรือดัดรูปร่างได้ตามต้องการแล้ว นั่นหมายความว่า เมื่อคุณฉีดฟิลเลอร์ลงไปเพื่อเสริมจมูกแล้ว ก็จะทำให้เนื้อบริเวณที่ฉีดลงไปนั้นบวมขึ้นเฉย ๆ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นสันเพาพะงา หรือได้รูปจมูกที่สวยงามตามต้องการเลย ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีรูปจมูกเล็กและสวยอยู่แล้ว และเมื่อมันบวมขึ้นก็ดูเต็มและโด่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้การดัดใด ๆ เลย
นอกจากนี้ สิ่งที่ควรระวังในยุคที่ฟิลเลอร์เป็นที่แบบอยู่ในขณะนี้ คือ ฟิลเลอร์ ที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นที่ยอมรับจาก อย. คือฟิลเลอร์ชั่วคราวที่สลายตัวไปภายใน 4-12 เดือนเท่านั้น ส่วนฟิลเลอร์ที่ผู้ให้บริการมีการโฆษณาว่า สามารถอยู่ในสังขารได้อย่างถาวรนั้น ยังไม่เป็นที่เห็นด้วยในวงการแพทย์และ อย. แต่อย่างใด ดังนั้น สาว ๆ จึงต้องระวังและพิจารณากันให้ดี ๆ ก่อนฉีดฟิลเลอร์นะคะ เพราะไม่อย่างนั้น นอกจากคุณจะเสียตังค์ฟรี ๆ แล้ว ยังได้สิ่งตอบแทนมาเป็นใบหน้าบวมเป่ง และอาจเสียโฉมได้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย
ฉีดฟิลเล่อร์ VS เสริมด้วยซิลิโคน อัพดั้งแบบไหน เหมาะกับคุณ
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย การเสริมดั้งอัพจมูกให้สูงโด่ง ก็ยังเป็นศัลยกรรมยอดได้รับความนิยมของสาวไทยเรา ยิ่งประจุบันนวัตกรรมใหม่ๆ
อย่างฟิลเลอร์ ก็เข้ามาเป็นอีกตัวช่วยให้คุณจมูกโด่งได้สมใจ ด้วยสรรพคุณฟิลเลอร์ ที่ว่าฉีดปุ๊บโด่งปั๊บ แถมหากไม่พอใจ...ไม่เป็นไร 3 เดือน 6 เดือน
ฟิลเลอร์ก็ทำลายไปโดยไม่เป็นอันตราย
แท้จริงแล้ว การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ (Filler) จะเหมาะกับสาวทุกนางหรือไม่ หากอยากได้ดั้งโด่ง ทรงสวยสมใจ ควรจะเลือก
เสริมจมูกด้วยวิธีไหนถึงจะเหมาะกับคุณมากที่สุด
?บางครั้งการฉีดฟิลเลอร์ก็เกิดปัญหาฟิลเลอร์ ได้ เพราะบางทีมันเป็นการฉีดมั่ว ฉีดโดยไม่ดูว่าคนไข้เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์มั้ย หรืออาจมี
การฉีดเยอะเกินไป ซึ่งมันทำให้เกิดความยุบยับเยอะ ตรงข้ามกับการเสริมจมูกโดยซิลิโคน (Silicone) ที่หากมีปัญหา เช่น ทำออกมาจมูก
จะดูแข็งไป มันก็ผ่าตัดแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ หากฉีดเยอะไป จะมาแก้นี่แทบหมดทางแก้ไขเลย เพราะต้องค่อยๆ ผ่าเลาะฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่
ออกมา ซึ่งมันยุ่งยากกว่า? ?ฟิลเล่อร์? ฉีดมากไป สลายไม่หมด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง อธิบายว่า ?ฟิลเลอร์? เป็นคำรวมๆ ที่ใช้เรียกสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งนำมา
ฉีดเสริมเนื้อเยื่ออ่อน โดยใช้เพื่อความน่ารักเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันสารสังเคราะห์ที่นิยมคือ ?ไฮยาลูโรนิค แอซิด? (Hyaluronic Acid หรือ HA)
แม้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด จะมีการระบุไว้ว่า เมื่อฉีดแล้วสารดังกล่าวจะสลายไปเองภายในระยะเวลา 3-6 เดือน
(ตามแต่ความเข้มข้นของ HA) แท้จริงแล้วปัญหาที่พบได้บ่อยคือ การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป ทำให้ฟิลเลอร์รวมตัวกันแน่น
จนไม่สามารถสลายไปได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานนับปี
?ถ้าฉีดฟิลเลอร์แค่นิดเดียว มันจะสามารถยุบ และหายไปได้จริง แต่ถ้าฉีดเยอะเกินไป จนกระทั่งฟิลเลอร์ฟอร์มตัวเป็นก้อนแล้ว
มันไม่สามารถสลายไปได้ บางคนฉีดไป 3 ปีแล้ว ก้อนฟิลเลอร์นั้นก็ยังอยู่ หลายคนชอบคิดว่า ลองฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน เดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่
ค่อยมาเสริมอยู่ยืด (ด้วยซิลิโคน) แต่เมื่อฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว พอถึงเวลาจะมาเสริมด้วยซิลิโคน มาให้ทำ จับที่จมูกปุ๊บก็บอกเลยว่า
ฟิลเลอร์มันค้างอยู่เยอะมาก บางคนบอกว่าขอรอให้ฟิลเลอร์ยุบก่อน รอมา 3 ปีแล้วก็ไม่ยุบ มันยังอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นถ้าคิดจะใส่ซิลิโคนก็ต้อง
ละเลียบฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่ออกก่อน ก็เป็นปัญหาที่ต้องแก้ให้ยุ่งขึ้นไปอีก
ปัญหาฟิลเลอร์ไม่สลายนี้ อาจเพราะแพทย์ที่ฉีดๆ ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องการฉีดฟีลเลอร์นี้ อยู่ที่เทคนิคในการฉีดครับ
ต้องฉีดให้พอดี และที่สำคัญเวชต้องแนะนำให้ผู้ป่วยแต่ละราย เข้าใจในปัญหาของตนเอง ทราบว่าปัญหาของตนเอง ควรจะแก้ด้วยวิธีการใด
จะฉีดฟิลเลอร์ หรือจะเสริมซิลิโคนจึงจะเหมาะ?
?ในรายที่จมูกสวยอยู่แล้ว ขาดตรงเสาดั้งไปนิดหน่อย หรือช่วงสันดั้ง 2 ข้างยุบ
ไม่เท่ากัน แต่ปลายจมูกโด่งสวยงามอยู่แล้วอันนั้นสมควรที่จะฉีดฟิลเลอร์
เข้าไปช่วยได้ แต่ถ้าไปฉีดเพื่อหวังให้ปลายจมูกโด่ง อันนั้นผิด ฉีดให้ปลายจมูก
เป็นรูปหยดน้ำ อันนั้นผิด เพราะการฉีดฟิลเลอร์มันไม่ทำให้จมูกโด่ง แต่มันจะทำ
ให้จมูกเตี้ยลง เพราะฟิลเลอร์มันหนัก ฉีดแล้วมีแต่จะทำให้จมูกห้อยลง
เพราะปลายจมูกเป็นส่วนที่อ่อน ไม่มีอะไรรองรับฟิลเลอร์ แต่ถ้าเป็นช่วงดั้งนั้นมีกระดูกรองรับ
ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป กระดูกที่อยู่ด้านล่างก็ดักฟิลเลอร์ไว้ ทำให้สามารถดันเนื้อ
ขึ้นมาได้ ดูจมูกโด่งขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ต้องคอยดู เพราะหากฉีดมากเกินไป
ฟิลเลอร์ก็ไหลออกด้านข้าง จนดูจมูกโตได้
ส่วนจมูกแบบที่ควรจะเสริมด้วยซิลิโคน คือ ถ้าจมูกเตี้ยเกินไป,
ปลายจมูกบานใหญ่, ปลายจมูกสั้นเกินไป, ปลายจมูกไม่โด่ง
หรืองุ้มตก เหล่านี้ต้องใช้ซิลิโคนที่เป็นของแข็งมายกขึ้น หรือมายืดให้สันจมูก
ยาวออกไปดูเป็นปลายหยดน้ำ เหล่านี้ควรจะเสริมด้วยแท่งซิลิโคน?
อยากเสริมด้วยซิลิโคน แต่กลัวจมูกโหยกเหยก
หลังพูดถึงข้อจำกัดการเสริมดั้งด้วยฟิลเลอร์ไปแล้ว เราหันมาถามข้อจำกัด
ที่น่าวิตกกังวลของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน นั่นคือ..จริงหรือที่ว่า หลังเสริมจมูกด้วย
ซิลิโคนแล้วดูแลตัวเองไม่ดี เช่น จับจมูกแรงไป หรือแค่นอนตะแคงข้าง
ก็อาจทำให้ดั้งเบี้ยวได้
สิ่งสำคัญที่จะทำให้จมูกคุณสวยได้ดั่งใจ ไม่บิดเบี้ยวนั้น ขึ้นอยู่กับความ
รอบรู้ของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้ ถ้ามันจะเบี้ยวก็เบี้ยวตั้งแต่การวางซิลิโคน
ตั้งแต่แรกแล้ว เลยชี้แนะมาว่า หากคิดจะเสริมสวยให้ได้ดั่งฝัน ควรหาฟิลเลอร์ นายแพทย์
ที่เข้าใจปัญหาของคุณ และยิ่งถ้าคุณได้เห็นตัวอย่างผลงานของแพทย์ท่านนั้น
ด้วยก็ยิ่งดี
? การเลือกจีนแสศัลยกรรมว่า ต้องลองเข้าไปคุยก่อน ไปศึกษาดูว่า หมอท่านนั้นเขาเข้าใจปัญหาของเรามั้ย ถ้าเราเห็นว่า
เขาเข้าใจปัญหาของเรา มีแนวทางแก้ไขปัญหาให้เราได้ตรงกับความต้องการของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราได้เห็นตัวอย่าง
ชิ้นงานของเขา มันก็ทำให้เราสนิทใจฟิลเลอร์ ได้มากขึ้น
?จมูกเกาหลี? ศัลยกรรมได้เหมือนเป๊ะ จริงหรือ?
เพราะเดี๋ยวนี้มักได้ยินว่า ?จมูกเกาหลี? เป็นทรงยอดฮิต! แล้วจมูกเกาหลีแท้จริงเป็นแบบไหน หากเราๆ ท่านๆ จะเดินถือ
รูปนักร้อง-ดาราเกาหลีไปหาหมอ แล้วขอให้คุณหมอช่วยเสกสรรปั้นแต่งให้ออกมาเหมือนเป๊ะ จะได้หรือไม่
?เทรนด์จมูกที่เขาว่าฟิลเลอร์ ได้รับความนิยมกัน ทรงเกาหลีนั้น ต้องบอกว่าตอนนี้อะไรๆ ก็เกาหลี คือ การสวยแบบศิลปิน เรื่องนี้เป็นมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
แต่พอสมัยปัจจุบันคนไข้ก็ชอบมาบอกว่าจะเอาจมูกแบบเกาหลี ผมจะบอกว่า คำพูดอย่างนี้มันผิดอยู่แล้ว เพราะจริงๆ แล้วจมูกเกาหลี..มันไม่มี
เกาหลีกับแหลมทองเป็นเอเชียเหมือนกันรูปทรงจมูกเราก็คล้ายๆ กัน
การที่จะสวยเด่น จมูกโด่งมากๆ เป็นดาราได้นั้น ส่วนใหญ่ดาราเค้ามีโครงจมูกที่โด่งอยู่แล้ว โมเดล (model) มันมีอยู่แล้วว่า ตอนนี้
ลูกครึ่งมาแรงนะ จะหาดาราก็ต้องเป็นแบบลูกครึ่ง หน้าเรียว จมูกโด่ง เหมือนฝรั่ง ดังนั้นหน้าตาเขาได้ตั้งแต่ต้นแล้ว บางคนเขาไม่ได้ทำ
หรือทำก็จริง แต่แผนการเขามันอำนวยที่จะสามารถเสริมให้โด่งเป็นทรงสวยได้อยู่แล้ว แต่ถ้าจมูกบาน แถมมีฐานจมูกสั้นนิดเดียว แล้วจะมา
เอาแบบจมูกดาราเกาหลี ยาวๆ แบบลูกครึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร
ดังนั้นเวลามีคนมาถาม ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า มันต้องแล้วแต่ต้นทุน ฐานจมูกที่เรามีอยู่ ถ้าเรามีฐานจมูกแค่นิดเดียว สั้นๆ แล้วจะมาเอา
จมูกที่เรียกว่า จมูกเกาหลี เอาแบบจมูกยาวๆ แบบครึ่งชาติ มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องดูต้นทุนตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วบางคนไม่ดู ดูแต่หน้าดารา
แล้วฝันว่าอยากเอาอย่างนั้น แล้วก็จะมาให้เราทำให้ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ เขามีเงินก็จะบินไปทำที่เกาหลี แต่พอไปถึงเกาหลีจริงๆ เขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี
ในทางกลับกันถ้าคนไทยคนไหนมีโครงหน้าที่คล้ายฝรั่งอยู่แล้ว ทำแค่นิดเดียว จมูกมันก็โด่ง ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีก็โด่งพุ่งไปเลย
ฉะนั้นไม่มีหรอกทรงจมูกเกาหลี เค้าก็แค่เรียกกันติดปาก เพราะเกาหลี ทำการตลาดได้ดี ถ้าเกิดคนไทยเราทำการตลาดดีๆ มันก็อาจจะมีการพูดกัน
ไปว่า เอาทรงจมูกไทย..ก็ได้
มีคำแนะนำเรื่องการทำศัลยกรรมจมูกว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจโครงสร้าง
ของจมูกคนเราก่อนว่า จมูกด้านนอกประกอบด้วย ส่วนบนซึ่งเป็นกระดูกแข็ง และส่วนล่างของปลายจมูกประกอบด้วยกระดูกอ่อนสองข้าง
ซ้าย ขวา ซึ่งประกบกันตรงกลาง วางอยู่บนกระดูกอ่อนของผนังกั้นช่องจมูก ซึ่งกระดูกอ่อนปลายจมูกแต่ละข้างจะมีรูปทรงคลายตัววี (V)
คว่ำ โดยขาของของตัว V ด้านหนึ่งจะเรียงขนานกันตรงกลาง ส่วนขาตัว V อีกด้านจะส่วนที่เป็นองค์ประกอบรูจมูกด้านหน้า
สำหรับชาวเอเชียมักมีปัญหากับความสูงของสันจมูกที่น้อยเกินไป วิธีที่ดีและง่ายที่สุดคือ การเสริมจมูกด้วยการเหลาซิลิโคนใส่เข้าไป
ที่สันจมูกและปลายจมูก แต่จะประสบผลสำเร็จสวยสมใจหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อจมูกที่มีอยู่เดิมของคนไข้ และความหนาของซิลิโคนที่แพทย์
ใส่ให้ที่ปลายจมูก
ในประเทศเกาหลีศัลยแพทย์เกาหลีนิยมการผ่าตัดเสริมจมูก ที่เน้นความสวยเป็นธรรมชาติของปลายจมูกเป็นอย่างมาก ซึ่งจมูกที่สวย
แบบธรรมชาติ นอกจากจะเห็นปลายจมูกเป็นสันและได้สัดส่วนกับรูปจมูกโดยรวมแล้ว รูปร่างของรูจมูกเมื่อมองจากมุมด้านล่าง ควรจะต้อง
เป็นรูปวงรี หรือรูปหยดน้ำ (Tear drop) นอกจากนี้ความเชิดของปลายจมูกควรต้องมีความพอดี เมื่อมองจากด้านข้างแล้ว
จมูกควรทำมุม 90 ถึง 95 องศากับเนื้อด้านบนริมฝีปาก
สมัยปัจจุบันศัลยกรรมปลายจมูกในฟิลเลอร์ ประเทศเกาหลี ได้พัฒนาเทคนิคเฉพาะหลายอย่างที่แตกต่างจากในประเทศไทยอย่างชัดเจน คือ
ฟิลเลอร์ หมอศัลยกรรมชาวเกาหลีจะไม่นิยมใช้ซิลิโคนมาใส่ที่ปลายจมูกมากจนเกินไป แต่จะใช้วิธีการเย็บปลายจมูก และใส่กระดูกอ่อนเป็นหลัก
ซึ่งการประมาณฟิลเลอร์ จุดที่ต้องเย็บ และปริมาณกับตำแหน่งของกระดูกอ่อนที่จะมาใส่ จะต้องอาศัยแพทย์ที่ผ่านฟิลเลอร์ ชั่วโมงบินและมีความช่ำชองอย่างมาก
เนื่องจากรูปร่างจมูกของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันการเย็บการเสริมจุดหนึ่งๆ จะส่งผลต่อรูปร่างส่วนอื่นๆ ของจมูกด้วย การใช้ซิลิโคนเสริม
อย่างเดียวเพื่อดันปลายจมูกออกมามากๆ เป็นที่นิยมน้อยลงมากในประเทศเกาหลี เพราะอาจจะมีปมปัญหาฟิลเลอร์ซิลิโคนทะลุตามมาได้
การผ่าตัดปรับรูปปลายจมูก โดยไม่ต้องเน้นการใส่ซิลิโคนปริมาณหนา ๆ มีจุดแข็งคือ รูปทรงจมูกดูเป็นธรรมชาติ ปลายจมูกบิดไปมาได้
โดยไม่เป็นแท่งแข็งติดกับสันจมูก รูจมูกเป็นรูปวงรี สวยเป็นธรรมชาติคล้ายชาวตะวันตก ผลการศัลยกรรมอยู่ทนนานไปตลอด ไม่ต้องมีปัญหา
ว่านาน ๆ ไปซิลิโคนที่ปลายจมูกจะเลื่อน รัดตัว หรือทำให้เนื้อที่ปลายจมูกบางลงจนอาจทะลุได้ เพราะกระดูกอ่อนของตัวเองที่ปลายจมูก
จะไม่มีทางทะลุออกมาได้เหมือนซิลิโคน
สำหรับเมืองไทย ซิลิโคนที่ถูกนำมาใช้มีหลายชนิดหลายเกรด ความบริสุทธิ์ต่างกันไป การสัมผัสถึงความนิ่มของซิลิโคนก็มี
หลากหลาย บางชนิดนิ่มมากจนเกือบเหมือนเจล แต่ข้อพึงระวังฟิลเลอร์ คือ แม้จะทำการเสริมปลายจมูกด้วยซิลิโคนที่มีคุณสมบัติดีเพียงใด
การทะลุปลายจมูกจากการดันของซิลิโคนก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากซิลิโคนเป็นสิ่งปะปนในร่างกาย เมื่อไปอยู่ในพื้นที่จำกัด
จะทำให้เกิดแรงดันต่อผิวหนังที่ปลายจมูก ยิ่งถ้าในบางคนที่มีความหนาของเนื้อที่ปลายจมูกไม่มากแล้ว ไปใส่ซิลิโคนในปริมาณมากเกินไป
จะทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนทะลุตามมาได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วการแก้ไขรอยแผลเป็นก็ไม่ง่ายนัก ต้องเจ็บตัวแก้ไขใหม่ เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มขึ้น
อีกด้วย
ย่อว่าการทำจมูกแบบเกาหลี คือ ศัลยกรรมที่เน้นการปรับรูปทรงกระดูกอ่อนปลายจมูก และการใช้กระดูกอ่อนของตนเองมาเสริม
มากกว่าจะใช้ซิลิโคนที่มีความหนามาก ๆ และข้อสำคัญอย่าลืมพิจารณาว่า เทคนิคแบบเกาหลีต้องใช้ทักษะพิเศษของศัลยแพทย์
ในการประเมินรูปทรงของกระดูกและกระดูกอ่อนจมูกอย่างละเอียด มีการเดินหมากการผ่าตัดที่ดี รวมถึงการใช้เครื่องมือผ่าตัดที่มีลักษณะเฉพาะ
จะช่วยให้ได้ผลการผ่าตัดที่เจริญสวยงาม
*เกร็ดน่ารู้ ...หากคิดจะเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
- หลังผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว ไม่ต้องบีบ-นวด เพราะจะยิ่งทำให้จมูกระบม, ห้ามประคบน้ำอุ่น เพราะจะทำให้จมูกบวม
หลังผ่าตัดเสร็จสามารถนอนตะแคง หรือใส่แว่นได้ทันที โดยไม่ต้องกลัวจมูกจะเบี้ยว...เพราะถ้าจะเบี้ยว ก็เบี้ยวตั้งแต่ไวทย์วางซิลิโคนแล้วหล่ะ
- การดูแลซิลิโคน คือ หลีกเลี่ยงการกระแทกที่จมูก ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงจะถูกกระแทกที่จมูกได้ง่าย เช่น นักมวย นักกีฬารักบี้ จึงไม่เหมาะ
ที่จะเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
- หลังเสริมจมูกแล้วสามารถจาม, สั่งน้ำมูกได้ตามปกติ เพราะแท่งซิลิโคนจะวางอยู่ด้านบนของรูจมูก ดังนั้นเวลาสั่งน้ำมูกจึงไม่ต้องกลัวว่าจมูก
จะเบี้ยวหรอกจ้า
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injections) สารสกัดจาก Hyaluronan ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่อยู่ในชั้นผิวหนังของเรา จึงไม่ใช่สารแปลกปลอมที่จะเป็นอันตราย และจะสลายตัวไปตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injections) จึงมีความปลอดภัยสูง
Filler จะเข้าไปทดแทนคอลลาเจนและ Hyaluronanใต้ผิวที่เสื่อมสลายไป คืนความชุ่มชื้นให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ ริ้วรอยจางลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา โดย Fillerแต่ละรูปแบบจะมีอำนาจในการลบริ้วรอยที่ต่างกัน
- Filler Fineline ใช้สำหรับลบริ้วรอยแผ่วฟิลเลอร์ บนใบหน้า
- Filler มาตรฐาน ทำให้รอยแผลจากสิวตื้นขึ้น และลบรอยเหี่ยวย่น อาทิ ร่องแก้ม หน้าผาก และรอบริมฝีปาก
- Filler Plus ใช้กับริ้วรอยลึก เติมริมฝีปากให้เต็มอิ่ม และกระชับผิวที่หย่อนยานฟิลเลอร์ ให้โครงหน้าโปร่งฟิลเลอร์ ได้รูป
เวชผู้เชี่ยวชาญจะตรวจวิเคราะห์ผิวของคุณก่อนเลือกใช้Filler รูปแบบที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนดขณะการฉีดที่จะได้คุณประโยชน์ที่สุดสำหรับ
เดอซีเคร็ทคลินิก เสนอ ฟิลเลอร์ คือสารเติมเยอะที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด
ข่าวกิจกรรม CSR ข่าวบุคคล วาไรตี้ บอกเล่าซุบซิบ ข่าวใต้ภาพ จิปาถะ
- 9putthatham9
- โพสต์: 0
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ 16 ต.ค. 2013 9:21 pm
เดอซีเคร็ทคลินิก เสนอ ฟิลเลอร์ คือสารเติมเยอะที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด
ข่าวกิจกรรม CSR ข่าวบุคคล วาไรตี้ บอกเล่าซุบซิบ ข่าวใต้ภาพ จิปาถะ
ข่าวกิจกรรม CSR ข่าวบุคคล วาไรตี้ บอกเล่าซุบซิบ ข่าวใต้ภาพ จิปาถะ
- อาการผิดปกติระบบทางเดินอาหาร สัญญาณเตือนก่อนสายเกินไป (9 views)
- ประกัน OPD ความคุ้มครองมีกี่แบบ และเหมาะกับใครบ้าง (61 views)
- Finch Bangkok จากอาหารอินเดียสูตรต้นตำรับ สู่การผสานเสน่ห์ร่วมสมัยอย่างลงตัว (21 views)
- ฝารองนั่งชักโครกผู้สูงอายุ ตัวช่วยสำคัญเพื่อความปลอดภัย (14 views)
- ACES Nightclub Bangkok พลิกโฉมไนท์ไลฟ์กรุงเทพฯ ด้วยพลังแห่งความมันส์แบบไร้ขีดจำกัด (45 views)
- หยุดปัญหานอนกรน ที่ทำให้นอนหลับไม่สนิทและตื่นบ่อย (25 views)
- Aces Nightclub: ที่สุดของแลนด์มาร์กใหม่สายไนท์ไลฟ์กรุงเทพฯ (41 views)
- Discover the Ultimate Pool Villa Experience at Sweet Stay Pattaya (24 views)