Skip ไปที่เนื้อหา

ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี ยาคุมกำเนิดที่กินแล้วไม่อ้วนมียี่ห้อไหนบ้าง

Lady Women's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพเพศหญิง ผู้หญิง กระทู้สุขภาพผู้หญิง
  • SukapabDee.com
  • โพสต์: 0
  • ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 13 มี.ค. 2011 12:39 am

ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี ยาคุมกำเนิดที่กินแล้วไม่อ้วนมียี่ห้อไหนบ้าง

 โพสต์ SukapabDee.com    7110

หลายคนที่กำลังจะเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อคุมกำเนิดจริงๆ หรือเพื่อเรื่องของผิวพรรณหรือเพื่อรักษาสิวต่างสงสัยมากว่าจะเลือกกินยาคุมกำเนิดตัวไหนหรือยี่ห้อไหนถึงจะดีเข้ากับตัวเองมากที่สุด ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจเรื่องการใช้ยาคุมกำเนิดกันก่อน

คอลัมน์....สายตรงสุขภาพกับศิริราช
โลกในยุคปัจจุบัน ผู้คนต่างแข่งขันกันดำเนินชีวิตท่ามกลางความรีบเร่งและพิษเศรษฐกิจที่รุมเร้าอยู่ไม่เว้นแม้แต่ไทยเรา หลายครั้งจึงมีคำถามจากผู้ที่คิดจะสร้างครอบครัวว่า ?เราพร้อมแล้วหรือสำหรับการมีสมาชิกใหม่มาเยือน? ซึ่งคำตอบที่ได้ก็มักจบลงที่การคุมกำเนิด หรือป้องกันการตั้งครรภ์สักระยะหนึ่ง
การคุมกำเนิด ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีหลายวิธี สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ
- การคุมกำเนิดแบบถาวร
- การทำหมัน

การทำหมัน : เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีบุตรเพียงพอแล้ว การคุมกำเนิดวิธีนี้มีผลดี คือ เจ็บครั้งเดียว สะดวก ปลอดภัย ไม่มีผลต่อสุขภาพหรือสมรรถภาพทางเพศตามความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
การทำหมันหญิง คือ การผูกและตัดท่อนำไข่ทั้งสองข้าง สามารถทำได้ตั้งแต่หลังคลอดใหม่ๆ เรียกว่า การทำหมันเปียก และถ้าทำหมันในช่วงที่พ้นระยะหลังคลอดไปแล้ว เรียกว่า การทำหมันแห้ง
การทำหมันชาย คือ การผูกและตัดท่อนำเชื้อทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว มีตั้งแต่
1. ยาเม็ดคุมกำเนิด การคุมกำเนิดด้วยยาเม็ด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่นิยมใช้กัน ทั้งสะดวกและมีอยู่หลายชนิดให้เลือกตามท้องตลาด แต่มีข้อห้ามในการใช้สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ ควรจะ ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา โดยรวมแล้วยาเม็ดคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.1 ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด แผงหนึ่งอาจมี 28 หรือ 21 เม็ดแล้วแต่ชนิด สำหรับแผง 28 เม็ดมียา 2 สี โดยมี 21 เม็ดแรกเป็นยา ฮอร์โมนเหมือนกับชนิดแผงละ 21 เม็ด ส่วน 7 เม็ดสุดท้ายจะเป็นวิตามิน
วิธีรับประทาน
o แผง 28 เม็ด เริ่มรับประทานยาวันละเม็ดตามลูกศรตั้งแต่วันที่ 1 ? 5 ของรอบ ระดูจนหมดแผง แล้วเริ่มแผงใหม่ในวันถัดมา ซึ่งส่วนใหญ่ระดูจะมาในช่วงรับประทานยา 7 เม็ดสุดท้าย
o แผง 21 เม็ด เริ่มรับประทานยาวันละเม็ดตามลูกศรตั้งแต่วันที่ 1 ? 5 ของรอบระดูจนหมดแผง หยุดยา 7 วันก่อนที่จะเริ่มแผงใหม่ ถ้าลืมรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ ที่เหลือ รับประทานเหมือนเดิม ถ้าลืมรับประทาน 2 เม็ด ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของระดู ให้รับประทาน 2 เม็ดทันทีเมื่อนึกได้ และรับประทาน 2 เม็ดในวันถัดมา ที่เหลือรับประทานเหมือนเดิม แต่ถ้าลืม 2 เม็ด ในช่วง 2 สัปดาห์หลังของระดู ให้รับประทาน 2 เม็ดทันทีเมื่อนึกได้ และรับประทาน 2 เม็ดในวันถัดมา ร่วมด้วยการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเป็นเวลา 1 สัปดาห์
1.2 ฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ให้รับประทานยาวันละเม็ดตามลูกศรตั้งแต่วันที่ 1 ? 5 ของรอบระดูจนหมดแผง แล้วเริ่ม แผงใหม่ในวันถัดมา ควรจะรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวันหรือห่างกับเวลาเดิมไม่เกิน 2 ชั่วโมง เนื่องจากประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะลดลง
1.3 ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน การคุมกำเนิดวิธีนี้สะดวก แต่โอกาสตั้งครรภ์สูงกว่า 2 กลุ่มแรก สามารถใช้ได้ในช่วงไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยรับประทานยาเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์หรือไม่เกิน 5 วัน และรับประทานยาเม็ดที่ 2 ใน 12 ชั่วโมงต่อมา การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ ไม่ควรใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดประจำ เพราะมีผลข้างเคียง เช่น รบกวนรอบระดูปกติ ทำให้มาไม่สม่ำเสมอและออกกระปริกระปรอยได้ถ้าใช้เป็นประจำ หรืออาจเกิดคลื่นไส้อาเจียน
2. ยาฉีดคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิดสามารถฉีดได้ตั้งแต่ระยะหลังคลอดใหม่ๆ ไม่มีผลต่อปริมาณน้ำนม แพทย์จะนัดฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อทุก 3 เดือน ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดดี เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว ไม่ต้องกินยาทุกวัน ราคาถูก แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น เลือดประจำเดือนกระปริกระปรอยในระยะแรกแต่หลังจากนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีประจำเดือน น้ำหนักขึ้นและเมื่อหยุดฉีดยา อาจจะต้องรอประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะมีประจำเดือนและมีภาวะตกไข่ตามปกติ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะเวลาสั้นๆ แต่เหมาะสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร หรือมีปัญหาจากการใช้ห่วงอนามัยหรือลืมกินยาบ่อยๆ
3. ห่วงคุมกำเนิด เหมาะสำหรับสตรีที่มีบุตรแล้วและไม่มีความผิดปกติของมดลูก การใส่ห่วงคุมกำเนิด กลไกคือห่วงจะไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แพทย์จะใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้วเหลือสายห่วงออกมาจากปากมดลูกยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ดังนั้นจะต้องตรวจสายห่วงเป็นระยะ อายุการใช้งานของห่วงคุมกำเนิด คือ 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของห่วงคุมกำเนิด ข้อดีคือไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ต้องถูกฉีดยาทุก 3 เดือน ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่ทำให้เกิดสิวฝ้ามากขึ้น แต่ข้อเสียคือ ต้องคอยตรวจเช็คสายห่วงอย่างสม่ำเสมอ
4. ยาฝังคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิดสามารถทำได้ตั้งแต่ระยะคลอดใหม่ ๆ ไม่มีผลต่อปริมาณน้ำนม แพทย์จะฝังหลอดยาเล็กๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำนวน 1หลอด 2 หลอด หรือ 6 หลอด (แล้วแต่ชนิดของยา) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านใน ยาฝังคุมกำเนิดจะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา ข้อดีคือสามารถคุมกำเนิดได้นาน ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ถูกฉีดยาบ่อยๆ และ ไม่ต้องเช็คสายห่วง ไม่มีโอกาสหลุดเหมือนห่วงคุมกำเนิดแต่ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ประจำเดือนกระปริกระปรอย น้ำหนักขึ้น
5. การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด การใช้แผ่นแปะที่มีฮอร์โมนคุมกำเนิดอยู่ในแผ่นขนาดประมาณ 4x4 เซนติเมตร แปะที่บริเวณสะโพก ท้องน้อย ต้นแขน หรือแผ่นหลังส่วนบน แต่ไม่ควรแปะบริเวณเต้านม โดยจะเปลี่ยนแผ่นทุกสัปดาห์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ อีก 1 สัปดาห์ไม่ต้องแปะแผ่นยา เนื่องจากเป็นช่วงที่มีประจำเดือน ข้อดีคือ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดค่อนข้างดี ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่เจ็บตัวที่ต้องถูกฉีดยา ฝังยาหรือใส่ห่วงคุมกำเนิด ผลข้างเคียงคือ บริเวณที่แปะอาจมีอาการคัน รู้สึกไม่สบายตัว กังวลว่าจะลอกหลุด คัดตึงเต้านม
6. ถุงยางอนามัย การใส่ถุงยางอนามัยนอกจากคุมกำเนิดแล้วยังสามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย โอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดอาจจะสูงเพราะ วิธีการใช้ไม่ถูกต้อง คุณภาพของถุงยางไม่ดีทำให้ขาดหรือรั่วได้
7. การนับวัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอบประจำเดือนสม่ำเสมอ โดยช่วงที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ คือ หน้า 7 หลัง 7 หมายถึง ช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ คือในช่วงก่อนมีประจำเดือน 7 วัน และหลังจากมีประจำเดือน 7 วัน การคุมกำเนิดวิธีนี้มีโอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากการนับวันผิดพลาด และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รอบเดือนไม่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังมีการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ อีกเช่น การหลั่งภายนอก การใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออสุจิ การสวนล้างช่องคลอด ซึ่งวิธีเหล่านี้มีโอกาสล้มเหลวในการคุมกำเนิดได้มาก ดังนั้นการคุมกำเนิดแต่ละวิธีอาจเหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับความต้องการมีบุตรอีกหรือไม่ ระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิด การยอมรับได้กับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ความสะดวก ราคา โรคประจำตัวที่เป็นข้อบ่งห้ามในการคุมกำเนิดแต่ละวิธี
เหล่านี้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมในแต่ละคน
ผู้จัดการออนไลน์ 12/27/2007

ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดีสุด ยาคุมกำเนิดที่กินแล้วไม่อ้วนมียี่ห้อไหนบ้าง กินยาคุมแก้สิวได้จริงหรือเปล่า
 ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี ยาคุมกำเนิดที่กินแล้วไม่อ้วนมียี่ห้อไหนบ้าง
 Lady Women's Health Forums | เว็บบอร์ดสุขภาพเพศหญิง ผู้หญิง กระทู้สุขภาพผู้หญิง
เครื่องกดนับแยกชนิดเม็ดเลือดขาว Genius Count DiffCount