31ส.ค. ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวกรณีที่ นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ อายุ 89 ปี เปิดคลินิกรักษาโรคมะเร็งที่ จ.สิงห์บุรี โดยมีการใช้ยาแผนปัจจุบันร่วมกับการใช้ตำรับยาสมุนไพร รวมในการรักษาโรคมะเร็งว่า นพ.สมหมาย ได้มอบสูตรตำรับยาสมุนไพรดังกล่าวให้แก่ อภ.เพื่อเตรียมเป็นสารสกัด และผลิตเป็นยาแคปซูล เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย จากการรวบรวมข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรตำรับดังกล่าว พบว่า สารสกัดตำรับสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ในหนูทดลอง ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการทดลองค้นคว้ายาลดการแพร่กระจายของมะเร็ง และสารสกัดสมุนไพรตำรับนี้ได้ผ่านการศึกษาด้านความเป็นพิษเรื้อรังเรียบร้อยแล้ว
ผอ.อภ. กล่าวต่อว่า ในปี 52 สถาบันวิจัยและพัฒนา อภ. ได้รับความร่วมมือจาก Dabur Research Foundation ประเทศอินเดีย ทบทวนผลการศึกษาวิจัยทั้งหมดที่ผ่านมา และศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ของสมุนไพรตำรับนี้ โดยศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ในหลอดทดลอง และในสัตว์ทดลองเพิ่มเติม พบว่าสารสกัดสมุนไพรมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ และยังมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สอดคล้องกับการศึกษาวิจัยก่อนนี้ที่ทำในประเทศ ซึ่งฤทธิ์ทั้งสองเป็นกลไกที่สำคัญของการพัฒนายาต้านมะเร็งสมัยใหม่ เพื่อใช้เสริมในการรักษามะเร็งจากการให้ยาเคมีบำบัด ฉายรังสี และการผ่าตัด
?อย่างไรก็ตาม อภ.ยังไม่ได้มีการศึกษาวิจัยทางคลินิก หรือในคนของสารสกัดสมุนไพรตำรับนี้ในผู้ป่วยมะเร็งแต่อย่างใด มีเพียงข้อมูลจากประสบการณ์การใช้ยาสมุนไพรตำรับนี้ในคลินิกของ นพ.สมหมายเท่านั้น ซึ่งสมุนไพรตำรับดังกล่าว อภ. มีแผนที่จะผลิตเป็นยาแผนโบราณเพื่อจำหน่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็ง จึงยังไม่สามารถอ้างสรรพคุณในการใช้เป็นยาต้านมะเร็งได้ การใช้สมุนไพรรักษามะเร็งนั้น เป็นการใช้เสริมกันกับการรักษาแผนปัจจุบัน หรือการใช้ยาปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้ป่วยตัดขาดจากการรักษาหันมาใช้ทางใดทางหนึ่งเพราะ อาจจะพลาดโอกาสในการรักษา?
ด้าน ภญ. อัจฉรา เอกแสงศรี ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา อภ. กล่าวว่า อภ.ได้วิจัยและพัฒนาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 42 โดยสูตรสมุนไพรของ นพ.สมหมาย 7 ชนิดทดลองในเซลล์มะเร็ง และสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่ได้ทดลองในคน ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ ต่อมาปี 49 อภ.ได้จดอนุสิทธิบัตร ขณะนี้มีการผลิตออกมาในรูปของแคปซูลสีน้ำตาล ขนาด 350 มิลลิกรัม ขอขึ้นทะเบียนทาง อย. อยู่ระหว่างรอการพิจารณา ขณะนี้จึงไม่มีการวางจำหน่ายแต่อย่างใด แต่ได้แจกจ่ายให้กับพนักงานของ อภ. ที่ป่วยมานำไปใช้บางส่วน สรรพคุณที่มีการขึ้นทะเบียนนั้นก็คงเหมือนสมุนไพรชนิดอื่น คือ แก้น้ำเหลืองเสีย ไม่ได้บอกว่า มีฤทธิ์ในการรักษามะเร็ง เพราะยังไม่ได้มีการทดลองในคน อีกทั้งการทดลองในคนนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยุ่งยาก โดยเฉพาะการทดลองในผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงเรื่องจริยธรรมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมของสูตรยาดังกล่าว ภญ. อัจฉรา ตอบว่า มีอยู่ 7 ชนิดด้วยกัน คือ พุทธรักษา ไฟเดือนห้า ปีกไก่ดำ พญายอ เหงือกปลาหมอ แพงพวย และข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ ทั้งนี้ปีกไกดำเป็นสมุนไพรที่หายากและปลูกยากมาก ปีหนึ่งจะมีช่วงที่สมุนไพรเจริญเติบโตได้ดีเพียงช่วงเดียว จากนั้นก็จะตาย นอกจากนี้หากมีการผลิตในปริมาณที่มากจริงๆ ก็ต้องใช้วัตถุดิบเป็นตัน ๆ คงหายากเช่นกัน ถามว่า มะเร็งชนิดใดที่คิดว่าสมุนไพรสูตรดังกล่าวน่าจะใช้ได้ผล ภญ.อัจฉรา ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีการทดลองในคน และยังไม่ได้นำมาจำหน่าย แต่ที่น่าจะได้ผลคือมะเร็งเต้านม เพราะการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจะน้อยกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ อีกทั้งมะเร็งชนิดอื่น ๆ การรักษาจะยุ่งยากกว่า และแพทย์ก็ไม่รับรองว่ารักษาแล้วจะหาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติมว่า ในการให้สัมภาษณ์ได้มีการนำตัวอย่างแคปซูลสมุนไพรรวมมาให้ดู ภายนอกเป็นสีน้ำตาล ซึ่งทาง อภ.ระบุว่า หากได้รับการขึ้นทะเบียนจะผลิตออกมาจำหน่ายแคปซูลละ 7 บาท ใน 1 ขวดจะมี 60 เม็ด และถ้ารวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะตกประมาณ 500 บาท
ข้อมูลจากเดลินิวส์ออนไลน์
Tags: ยาเม็ดสมุนไพรรักษามะเร็ง, แคปซูลสุมนไพรต้านมะเร็ง,หมอสมหมาย, สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งสูตรหมอสมหมาย, ยาแคปซูลสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งองการเภสัชกรรม, สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งซื้อได้ที่ไหน
