
Coolsculpting คืออะไร?
Coolsculpting คือ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นการแช่แข็งเฉพาะเซลล์ในชั้นไขมันด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) ซึ่งอาศัยคุณสมบัติของเซลล์ไขมันที่ไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์ชนิดอื่น โดยหัวดูดจะปล่อยคลื่นความเย็นในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง -11 ถึง -13?C แช่แข็งก้อนไขมัน แล้วปล่อยให้สลายไปตามระบบของร่างกาย ทำให้ดูกระชับและมากยิ่งขึ้น
โดยในการทำ Coolsculpting แต่ละครั้ง เซลล์ไขมันจะถูกทำลายในบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ 20 - 30% โดยใช้เวลาประมาณ 35 - 60 นาที ถือว่าเป็นนวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เจ็บ โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยา และไม่ต้องพักฟื้น อีกทั้งยังเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังจากทำประมาณ 1 - 3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 - 2 ปี
หลักการทำงานของ Coolsculpting
Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น โดยมีขั้นตอนการทำงาน ดังนี้
1. เข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแจ้งความต้องการ พร้อมประวัติการรักษา เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. แพทย์จะทำการประเมินบริเวณของร่างกายที่ต้องการกำจัดไขมัน และเลือกหัวดูดจากเครื่องสลายไขมันที่เหมาะสมกับขนาดของไขมัน
3. ก่อนจะทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำ Coolsculpting เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายตัว
4. แพทย์จะวางหัวดูดจากเครื่องสลายไขมันลงบนผิวหนัง แล้วเริ่มดูดชั้นไขมันเข้าไปภายในหัวดูด
5. หัวดูดของเครื่องสลายไขมันจะปล่อยความเย็นอุณหภูมิ -11?C ออกมาเป็นระยะเวลาประมาณ 35 นาที
6. เซลล์ไขมันจะค่อย ๆ ถูกทำลาย แล้วกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง โดยไม่ส่งผลต่อเซลล์ชนิดอื่นในร่างกาย
7. ร่างกายจะค่อย ๆ ขับเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกมาตามระบบน้ำเหลือง ซึ่งเป็นกระบวนการของร่างกายตามธรรมชาติ
8. ผลลัพธ์ของการทำ Coolsculpting จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจน หลังจากทำประมาณ 1 - 3 เดือน ไขมันบริเวณดังกล่าวจะลดลงประมาณ 20 - 25%
ทั้งนี้ สามารถสรุปกลไกการทำงานของ Coolsculpting ได้แก่
- เซลล์ไขมันมีโครงสร้างที่ไวต่ออุณหภูมิ เมื่อได้รับความเย็นอุณหภูมิ -11?C เป็นเวลานาน เซลล์ไขมันจะถูกทำลาย กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
- เซลล์ไขมันที่ตายแล้ว (apoptotic cells) จะถูกส่งสัญญาณไปยังระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายจะค่อย ๆ ขับเซลล์ไขมันเหล่านี้ออกตามระบบน้ำเหลือง
- กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 1 - 3 เดือน
- ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไขมันส่วนเกินลดลง ผิวหนังเรียบเนียนขึ้น
Coolsculpting ช่วยจัดการปัญหาไขมันแบบไหนได้บ้าง
การสลายไขมันด้วยความเย็นด้วย Coolsculpting สามารถกำจัดไขมันสะสมใต้ผิวหนังได้เฉพาะจุด เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด และต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ยกตัวอย่างบริเวณที่สามารถทำได้ ได้แก่
- หน้าท้อง (บน/ล่าง)
- รอบเอว (love handles)
- หลัง (back fat)
- ต้นขาด้านใน (inner thighs)
- ต้นขาด้านนอก (outer thighs)
- ต้นขาด้านหลังใต้ก้น (banana rolls)
- เหนือเข่า (distal thigh)
- ต้นแขน (upper arms)
- เหนียง (double chin)
- สะโพก (flanks)
- ใต้คาง (submental area)
ข้อดีของ Coolsculpting คืออะไร
การทำ Coolsculpting มีข้อดีหลายประการ ได้แก่
- มีความปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจาก Coolsculpting เป็นวิธีการสลายไขมันที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาชา จึงไม่มีความเสี่ยงจากการดมยา ไม่เกิดบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน โดย Coolsculpting สามารถลดไขมันได้ 20 - 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ 1 - 3 เดือน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 - 2 ปี
- Coolsculpting เกิดผลข้างเคียงน้อย โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ รอยแดง บวม ช้ำ ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ก็ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงรุนแรงอื่น
- ในการทำ Coolsculpting จะใช้เวลาทำเพียง 35 นาทีต่อจุด และสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังทำ จึงไม่เสียเวลาพักฟื้น
- Coolsculpting สามารถใช้ได้กับหลายบริเวณของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา อีกทั้งยังมีหัวดูดของเครื่องสลายไขมันหลายขนาด เหมาะกับการดูดไขมันทุกชั้นทุกบริเวณ
- ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เนื่องจาก Coolsculpting ไม่ได้ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก แต่ช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ดังนั้น จึงสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
- Coolsculpting ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ด้วยการกำจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น
ใครเหมาะจะทำ Coolsculpting บ้าง

- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เหนียง
- ผู้ต้องการสลายไขมันในปริมาณปานกลาง (BMI<35)
- ผู้ต้องการลดไขมันในจุดที่ยากจะลดด้วยการออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร
- ผู้ที่ต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากต้องการวิธีการที่ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงจากการดมยา ไม่เกิดบาดแผล และไม่ต้องพักฟื้น
- ผู้ต้องการวิธีลดไขมันที่รวดเร็ว เนื่องจาก Coolsculpting ใช้เวลาทำเพียง 35 นาทีต่อจุด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที หลังทำ
- ผู้มีสุขภาพโดยรวมดี ไม่ได้เป็นโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน
- ผู้เข้าใจว่า Coolsculpting ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แต่สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกิน และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏหลังจากทำ 1-3 เดือน
- ผู้มีไขมันเยอะ (BMI>35)
- ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน
- สตรที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้คาดหวังในการลดน้ำหนัก
ควรทำ Coolsculpting ที่ไหนดี

- เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล
- ตรวจสอบว่าแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หรือศัลยแพทย์ตกแต่ง และคลินิกมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
- เลือกคลินิกที่มีประสบการณ์การทำ Coolsculpting มานาน
- เป็นคลินิก Coolsculpting ที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ที่น่าเชื่อถือ
- เลือกใช้เครื่องสลายไขมันของแท้ ตรวจสอบรุ่นของเครื่อง ว่าเป็นรุ่นล่าสุดหรือไม่
- เปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิก โดยระวังคลินิกที่เสนอราคาถูกเกินจริง
- เลือกคลินิกที่มีบริการให้คำปรึกษาฟรี มีพนักงานที่ให้ข้อมูลครบถ้วน ชัดเจน และให้บริการหลังการขายดี
- เป็นคลินิกที่สามารถเดินทางสะดวก บริเวณรอบ ๆ มีความปลอดภัย
- แพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นใคร มีประสบการณ์การทำ Coolsculpting มานานแค่ไหน
- คลินิกใช้เครื่องสลายไขมัน Coolsculpting รุ่นอะไร ของแท้หรือไม่
- ราคา Coolsculpting รวมอะไรบ้าง
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
- การดูแลตัวเองหลังทำเป็นอย่างไร
ข้อควรระวังของการทำ Coolsculpting
ในการทำ Coolsculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น ซึ่งมีความปลอดภัย หากเลือกใช้บริการกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและเลือกใช้เครื่องสลายไขมันของแท้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังที่จะต้องทำความเข้าใจเสียก่อน ได้แก่
- ไม่ควรทำ Coolsculpting ในขณะที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยง
- ผู้มีภาวะ Cryoglobulinemia หรือมีแผลเปิด หรือรอยโรคบริเวณที่ต้องการทำ ไม่ควรทำ
- ทราบว่า การทำ Coolsculpting อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น รอยแดง บวม ช้ำ คัน ตึง เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นอาการทั่วไป แต่ก็มีโอกาสเกิดอาการปวดระบม, ผิวหนังชา, ไขมันแข็งเป็นก้อน และผิวหนังไหม้ แต่ก็ถือว่าเกิดขึ้นได้น้อย
- นวดบริเวณที่ทำ Coolsculpting ประมาณ 2 - 3 ครั้งต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการนวดแรง ๆ ในบริเวณดังกล่าว
- ประคบเย็น 20 นาที
- สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุม
- งดออกกำลังกาย 24 - 48 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไขมันแข็งเป็นก้อน หรือปวด บวม แดง ช้ำ นานเกิน 2 สัปดาห์ ควรเข้าพบแพทย์ทันที
สรุปเกี่ยวกับ Coolsculpting
Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีในการสลายไขมันด้วยความเย็น ที่มีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย และได้ผลลัพธ์อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด และต้องการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำ แต่ทั้งนี้ ก็ควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ และใช้เครื่องสลายไขมันของแท้เท่านั้น