
สิว คืออะไร
สิว (Acne) คือ การที่ต่อมไขมันหรือรูขุมขน (Pilosebaceous unit) เกิดการอุดตันจากสิ่งสกปรก ความผิดปกติจากฮอร์โมนในร่างกายทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นเกิดการอักเสบและติดเชื้อ จึงเกิดเป็นสิว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขึ้นมา ซึ่งสิวมีหลายรูปแบบ อาจจะเป็นสิวหัวขาวหรือสิวไม่มีหัวก็ได้ ซึ่งมักปรากฏให้เห็นตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปหรือช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น จึงมักเรียกว่า สิวฮอร์โมน เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตออกมา บางครั้งหากมีตัวกระตุ้น เช่น แบคทีเรีย เชื้อโรค การแพ้สารเคมี ก็อาจทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบมีลักษณะเป็นตุ่มมีหนอง หรืออาจจะเกิดเป็นสิวหัวช้างได้
สาเหตุการเกิดสิวที่พบบ่อยที่สุด

1.เซลล์ที่ตายอยู่ในรูขุมขนมีจำนวนมากเกินไปจนเกิดการอุดตัน (Follicular epidermal hyperproliferation)
2.ต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีการผลิตน้ำมันมากเกินความจำเป็น (Sebum production)
3.แบคทีเรียหรือเชื้อโรค Propionibacterium acne (P.ance)
4.การอักเสบจากสิ่งเร้า และการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
วิธีรักษาสิวให้หายมีอะไรบ้าง
ในการรักษาสิวให้หายขาดนั้นต้องเริ่มจากการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะการรักษาความสะอาดบนใบหน้า การล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง เพราะจะทำให้ไม่เกิดสิ่งอุดตันในรูขุมขน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว และหลังจากที่สิวยุบหรือหายแล้ว มักจะเกิดเป็นหลุมสิวหรือรอยสิว ดังนั้นจึงควรใช้ครีมลดรอยสิวหลังจากการรักษาสิว ซึ่งสิวแต่ละประเภทก็จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยยาจะต้องดูก่อนว่าเป็นสิวที่มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เพราะบางครั้งการรักษาด้วยตัวยาอาจจะไม่ทำให้สิวหายขาดได้ ซึ่งการรักษาด้วยยาแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
1. การใช้ยาแบบทาเฉพาะจุดที่เป็นสิว หรือยารักษาสิวชนิดใช้ทาภายนอกเท่านั้น (Topical medications) แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆดังนี้
- ยาปฏิชีวนะแบบทาภายนอก (Topical antibiotics) ใช้ในการยับยั้งแบคทีเรีย และลดการผลิตน้ำมัน
- ยาทาเรตินอยด์ (Retinoids) ใช้ในการรักษาสิวและรอยแดงจากสิว ลดการเกิดสิวซ้ำซาก และช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว
- การใช้ยาที่มีกรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ช่วยในยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ช่วยละลายสิวหัวดำและสิวหัวขาว และช่วยผลัดเซลล์ผิวลดการเกิดสิวใหม่
- ยาที่มีกรดซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถัน ช่วยในการสลายสิวหัวดำ และสิวหัวขาว
2. การใช้ยารักษาสิวแบบรับประทาน (Oral medications) เป็นการรักษาจากภายใน โดยตัวยาจะออกฤทธ์ในการยับยั้งการเกิดสิว และลดปริมาณของสิวให้ยุบลง โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มดังไปนี้
- ยาปฏิชีวนะและต้านแบคทีเรีย (Antibiotics) เป็นยาที่ช่วยชะลอ หยุดการทำงานของแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว สามารถใช้กับสิวอักเสบได้
- ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral contraceptives) การรับประทานยาคุมเป็นการยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับสิวฮอร์โมน
- ยาฮอร์โมนต้านฤทธิ์แอนโดรเจน (Anti-androgen agents) เป็นยาที่ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนในผู้หญิงที่ผลิตต่อมไขมันออกมามากเกินไป สาเหตุของการเกิดสิวประจำเดือน
- ยาเรตินอยด์ (Retinoids) หรือกลุ่มยาอนุพันธุ์วิตามิน A เป็นยาที่ป้องกันสิวที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ และช่วยลดรอยดำจากสิว
การเลเซอร์สิว
การรักษาสิวด้วยเลเซอร์ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการรักษาสิว โดยการทำงานของเลเซอร์จะเป็นการส่งความร้อนไปลดสิว ยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวใหม่ ลดรอยสิว และช่วยรักษารอยสิว รอยแดงหรือรอยแผลเป็นจากสิว โดยแพทย์เฉพาะทางจะเป็นคนประเมินและทำการรักษา โดยต้องดูจากสภาพผิว และประเภทสิวของแต่ละคน โดยสิวที่เหมาะกับการทำเลเซอร์ได้แก่ สิวหิน สิวที่มีตุ่มแข็ง สิวอุดตัน หรือสิวอักเสบไม่มีหัว และการรักษาหลุมสิว
การกดสิว
ในการรักษาด้วยวิธีนี้ส่วนใหญ่จะนิยมทำกันเอง เพราะเป็นวิธีการทำให้สิวหายง่าย แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสิวเสี้ยน หรือสิวเม็ดเล็ก ๆเพราะบางครั้งการเกิดสิวขึ้นคาง หรือสิวขึ้นหน้าผาก และสิวที่หลัง ก็เป็นปัญหาที่กวนใจ ดังนั้นการกดสิวจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ง่ายและรวดเร็วในการกำจัดสิว ผลลัพธ์ที่ตามมาในการบีบสิวด้วยวิธีนี้คือการทิ้งรอยแดง รอยดำ และการที่หน้าเป็นสิวซ้ำๆ โดยวิธีนี้สามารถทำได้แต่เครื่องมือที่ใช้ในการกดสิวจะต้องสะอาดและปลอดเชื้อ
ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการรักษาสิว เป็นวิธีที่หมอจะเป็นผู้ประเมินการรักษาสิวแต่ละประเภท โดยส่วนใหญ่จะเป็นสิวที่มีความรุนแรง เช่น สิวเชื้อรา สิวที่เกิดจากการติดสารเคมีทำให้เกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ การแพ้บางอย่างที่ทำให้เกิดสิวแพ้หรือเรียกว่าสิวเห่อ และสิวผดที่เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อน เป็นต้น ทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษาตามประเภทสิวของคนไข้
สรุปเรื่องสิวๆ ที่ไม่สิว
สิว เกิดจากสาเหตุหลายๆปัจจัยที่ส่งผลทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ การทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง หรือรูขุมขนทำงานได้ไม่ดีจึงเกิดการอุดตัน โดยสิวแต่ละชนิดจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน การเกิดสิวแต่ละประเภทก็มีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการรักษาสิวจึงมีหลายวิธีที่สามารถทำให้สิวหายได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษาสิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวและประเภทของสิว