รู้จักกับเด็กสมาธิสั้น

รู้จักกับเด็กสมาธิสั้น
เนื่องจาก เด็กสมาธิสั้นมักมีคนเข้าใจว่าเป็นเด็กปัญญาอ่อนไม่สามารถเรียนหนังสือได้ที่แท้จริงแล้วเด็กที่มีสมาธิสั้นหรือเรียกกันอีกอย่างว่าเด็กไฮเปอร์อาจมีอาการเด็กไฮเปอร์หลายแบบแตกต่างกันออกไปทั้งมีอาการเหม่อหรือซนบางคนไม่ชอบอยู่กับที่ชอบใช้เวลาในการวิ่งหรือปีนป่ายมากกว่าโดยไม่รู้จักความเหนื่อยบ่อยครั้งที่ไม่สนใจอะไรก็จะไม่ทำเลยแต่หากสนใจแล้วก็จะทำได้เป็นเวลานานๆ เด็กบางคนอ่านเก่งมากโดยจากสนใจสิ่งที่ตนเองชื่นชอบเป็นพิเศษและสมองเร็วกว่าปกติแต่ทั้งนี้จะต้องเป็นเรื่องที่ตนเองชอบเท่านั้นบางคนจะไม่ชอบเสียงดุของคนเลี้ยงหรือแม่ไม่ชอบให้ถูกจ้ำจี้จ้ำไชหรือกำลังมีสมาธิอยู่ก็ไม่ชอบให้ใครขัดจังหวะ

สำหรับเด็กผู้ชายสมาธิสั้นที่พบได้บ่อยคือพ่อแม่พบว่าลูกอยู่ไม่นิ่งเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเล่นสนุกสนานและใช้เสียงดังนอกจากนี้ยังมักทำอะไรรีบร้อนและส้มสร้างบ่อยครั้งมีของที่ตกหล่นบ่อย แต่อย่างไรก็ดีจะมีพละกำลังสามารถชนะเวลาเล่นกับเพื่อนได้
ในขณะที่เด็กผู้หญิงมักพบสมาธิสั้นแบบเหม่อลอยซึ่งจะไม่ซนเท่าเด็กชายทำอะไรเรื่อยและช้าไม่รู้จังหวะเวลารู้สึกได้ชัดเจนว่าเด็กผู้หญิงมีการหลงลืมบ่อยๆ
สำหรับปัญหาสมาธิสั้นนั้นจะต้องได้รับการรักษาอย่างลวดซีลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในอนาคตกับเด็กได้เนื่องจากว่าเด็กที่สมาธิสั้นจะไม่ได้ใช้ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวกลายเป็นคนไม่กล้าที่จะแสดงออกและกลัวว่าจะทำอะไรผิด
การเจริญเติบโตของเด็กสมาธิสั้นเป็นอย่างไร
สำหรับการเจริญเติบโตของเด็กที่สมาธิสั้นเมื่อโตขึ้นอาจหายไปได้เองเป็นบางขึ้นอยู่กับว่าเด็กคนนั้นมีวุฒิภาวะหรือไม่ บางคนพ่อแม่ปรับการเลี้ยงดูให้ดีกว่าเดิมส่งผลให้อาการของเด็กดีขึ้นและครอบครัวใช้เวลาร่วมกับเด็กพร้อมกับการรักษาด้วยยาก็อาจจะทำให้อาการหายดีขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่บางรายอาจมีอาการแย่ลงซึ่งส่งผลให้เด็กมีปัญหาเศร้าซึมสอบตกกลายเป็นเด็กที่ไม่เข้าสังคม อย่างไรก็ตามหลายๆคนอาจกังวลว่าหากลูกของตนเองเป็นโรคสมาธิสั้นจะแก้ไขได้อย่างไรซึ่งการแก้ไขปัญหาเด็กสมาธิสั้นมีดังต่อไปนี้


1.ไม่ใช้เสียงกับลูกเวลาที่ลูกดื้อเนื่องจากพ่อแม่บางคนตะโกนใส่ลูกเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะต้องขอโทษและแสดงความอาทรกับลูกและทำให้รู้ว่าลูกยังเป็นลูกของคุณอยู่และยังรักกูอยู่เหมือนเดิม
2.งดการใช้เสียงในขณะที่เด็กๆกำลังทำการบ้านอยู่งานจากเด็กบางคนไม่สามารถตัดเสียงรบกวนเวลาใช้ความคิดได้เหมือนกับผู้ใหญ่จึงไม่ควรให้ทีวีในห้องนอนของเด็กๆและไม่ควรเปิดทีวีทิ้งไว้ถ้าไม่มีคนดู
3.ปวดสายตาและตรวจการได้ยินเพิ่มเติมถึงแม่บางคนอาจไม่รู้ว่าลูกของตนเองมีปัญหาเรื่องเรียนเพราะมองไม่เห็นหรือสายตาสั้นบางคนได้ยินไม่ชัดทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น
4.ใช้เวลาอย่างมีประโยชน์กับลูกไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือระบายสีหรือทำงานฝีมือบางคนอาจเล่นหมากฮอสหรือเล่นกีฬาก็ได้ เพื่อเป็นการฝึกสมาธิเด็ก