
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การสักที่ผิวหนัง อาจมีความเสี่ยงดังนี้ 1)การติดเชื้อในบริเวณที่สัก ซึ่งอาการของการติดเชื้อจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วขึ้นกับชนิดของเชื้อที่ก่อโรค 2)การแพ้สีที่ใช้ในการสัก ซึ่งการแพ้สีขึ้นอยู่กับบุคคล บางครั้งอาจไม่สามารถบอกได้ล่วงหน้า ยกเว้นว่าจะเคยมีประวัติแพ้สีดังกล่าวมาก่อน และเนื่องจากสีเป็นสารภายนอกที่ถูกนำเข้าสู่ผิวหนัง ดังนั้นในบางครั้งอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบที่เกิดจากร่างกายทำปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอมในระยะยาวได้ 3)การเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ 4)การสักอาจจะไม่ได้ตามลายหรือสีที่ต้องการ 5)การที่ไม่ต้องการสักถาวรจริงๆ ทำให้ต้องไปลบรอยสัก ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าตอนสักมาก
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สักมาแล้วพบปัญหาผื่นแดง คัน เป็นหนอง แนะนำให้มาพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้อง หากติดเชื้อที่ผิวหนังอาจต้องให้ยาฆ่าเชื้อ เพื่อไม่ให้แผลลุกลามมากขึ้น ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ผื่นดังกล่าวเป็นมากขึ้น หากคันมากให้ยาแก้คัน หลีกเลี่ยงการเกา และการเสียดสีกับแผล เช่น การใส่เสื้อผ้าคับ
ข่าว/ภาพ-สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์