สาเหตุการเกิดโรค
เกิดจากเส้นประสาทสมองเส้นที่ ๗ ที่เรียกว่า "เส้นประสาทใบหน้า" (facial nerve) ซึ่งมาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าไม่ทำงานชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าครึ่งซีกนั้นเป็นอัมพาต ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากมีการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเชื้อเริมชนิดที่ ๑ (HSV-1) ของเส้นประสาทดังกล่าว
คิงส์ตัน ซี ฮาว อุย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีน กล่าวว่า ในศาสตร์ของแพทย์แผนจีน เรียกว่า ตับหยางแกร่ง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าครึ่งซีกเป็นอัมพาตชั่วคราว ซึ่งแสดงอาการปรากฏเด่นชัด เช่น ปากเบี้ยว หนังตาตก หรือกระตุก กลืนน้ำหรือบ้วนปากจะมีน้ำไหลออกที่มุมปาก
สาเหตุการเกิดโรคตามตำราแพทย์จีน
ประเภทที่ 1 มาจากตับร้อน (ตับหยางแกร่ง) เกิดจากการความเครียดลงตับ ทำให้ธาตุไฟในตับเพิ่มขึ้นไปยังศีรษะ
ประเภทที่ 2 มาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้(หยินพร่อง) เกิดเป็นงูสวัดขึ้นที่โพรงประสาท หรือ บางรายอาจเกิดจากกระดูกทับเส้นประสาทที่คอ
การรักษา จะใช้ศาสตร์ของการฝังเข็มรักษา โดยจะฝังเข็มจุดใหญ่จะอยู่บนหน้า 10 จุดและบนศีรษะ 7 จุด ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที แต่คนที่เป็นมานานแล้วอาจจะต้องใช้สมุนไพรจีนเข้าร่วมรักษา
ระยะเวลาในการรักษา ผู้ที่เป็นแรกเริ่มและเข้ารักษาทันที จะฝังเข็มรักษาประมาณ 20 ครั้ง แต่ผู้ที่เป็นมานานเกิน 6 เดือนขึ้นไป อาจจะต้องฝังเข็มรักษาประมาณ 40-60 ครั้ง ขึ้นไป
โรคเบลล์พัลซี่ หรือ อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดโรคได้ดังนี้
1. ไม่นอนหมอนสูงเกินไป
2. ไม่นอนดู ทีวี บนที่นั่งหรือที่นอน ที่อ่อนนุ่มและมีสัดส่วนโค้งเว้า
3. หลีกเลี่ยงการหมุนคอ หมุนตัวบ่อย ๆ เช่น นักกีฬากอล์ฟ
สิ่งที่ควรปฏิบัติตนให้ห่างไกลโรคดังกล่าว
1. หลีกเลี่ยงความเครียด
2. ไม่ตากแดดจัดนานจนเกินไป
3. ไม่กินอาหารรสจัด มีเครื่องเทศสูง
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
5. กินอาหารประเภท ถั่วเขียว น้ำเก๊กฮวย จับเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายภายในร้อน
คิงส์ตัน ซี ฮาว อุย กล่าวทิ้งท้ายว่า โรคดังกล่าวไม่อันตราย แต่ถ้าทิ้งไว้ไม่ทำการรักษาจะทำให้เป็นอัมพาตบนใบหน้าถาวร ปากเบี้ยว ตาตก ทำให้เกิดความไม่สวยงาม และหากท่านพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด กินอาหารรสไม่จัด ออกกำลังกาย ก็จะห่างไกลจากโรคเบลล์พัลซี่แน่นอน
