
เภสัชกรมีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัยทางเภสัชกรรม ค้นหา ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ยาของผู้ป่วย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาด้วยยา ป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมเหตุผล ป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย รวมทั้งยังมีบทบาทในการวิจัยและพัฒนายาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร ถือเป็นอีกกำลังหลักสำคัญของระบบสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีเภสัชกรรวม 10,498 ตำแหน่ง พบว่า เป็นเภสัชกรระดับปฏิบัติการ/ชำนาญการ มากถึง 9,011 ตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 85.84 มีเภสัชกรระดับชำนาญการพิเศษ เพียงร้อยละ 11.05 ขณะที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีเภสัชกรออกจากระบบไปแล้วถึง 400 คน เนื่องจากขาดขวัญกำลังใจ ค่าตอบแทนและความก้าวหน้า เมื่อเทียบกับภาคเอกชนที่มีค่าตอบแทนสูงถึง 50,000 ? 60,000 บาทต่อเดือน
?เมื่อเทียบกับแพทย์และทันตแพทย์ที่สามารถเลื่อนไหลปรับระดับเป็นชำนาญการพิเศษได้ทุกคน ทั้งที่มีหลักสูตรเรียน 6 ปีเท่ากัน มีความรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยในทุกพื้นที่ ทุกระดับ ทุกมิติในการดูแลรักษา ได้รับการศึกษา ฝึกอบรมให้มีความรู้ความสามารถและมีสมรรถนะในการดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรคเฉพาะรายร่วมกับแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความทัดเทียม สร้างขวัญกำลังใจแก่เภสัชกรผู้ปฏิบัติงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับแพทย์และสหสาขาวิชาชีพ และสร้างระบบสุขภาพที่ดีสำหรับประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัยจากการใช้ยา จึงเตรียมเสนอต่อ ก.พ.ให้เภสัชกรได้รับการพิจารณาปรับตำแหน่งเลื่อนไหลถึงระดับชำนาญการพิเศษได้ทุกตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข? นพ.ภาณุมาศกล่าว